"...การกระทำของข้าฯ ในชั้นนี้ จึงยังไม่เป็นที่สุด ว่าข้าฯ ได้กระทำความผิดทางอาญา หรือทางแพ่ง หรือทางปกครอง ตามที่มีผู้พยายามชี้ว่าการกระทำของข้าฯ เป็นความผิดแล้วแต่อย่างใด และได้มีผู้นำเอกสารลับของข้าพเจ้ามาเผยแพร่โดยมิชอบด้วยกฎหมายทำให้ผู้อื่น สำคัญผิดในช่วงที่กำลังจะมีการสรรหาอธิการบดี..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : จากกรณีสำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวว่าในช่วงเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้ทำหนังสือแจ้ง รศ.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ให้ไปพบพนักงานไต่สวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีอนุมัติเปลี่ยนแปลงงบประมาณและยืมเงินราชการโดยมิชอบ และเบิกจ่ายเงินค่าอาหาร ค่าสมนาคุณวิทยากร และค่าใช้จ่ายของผู้อบรมอันเป็นเท็จ ในโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม วงเงิน 407,229,545 บาท เนื่องจากการไต่สวนเบื้องต้นเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิด
ขณะที่การส่งหนังสือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ซึ่งภายหลังจากที่มีการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จะเปิดโอกาสให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จากนั้นคณะกรรมการไต่สวนจะมีการสรุปผลการสอบสวนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาลงมติต่อไป
อย่างไรก็ดี การสอบสวนคดีนี้ ของ ป.ป.ช. ยังไม่ได้มีการสรุปผลชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ผู้เกี่ยวข้องทุกรายยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 รศ.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรมมายังสำนักข่าวอิศรา
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ด้วยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 สำนักข่าวอิศราได้มีการเผยแพร่ข่าวในเว็บไซต์ (www.isranews.org) เกี่ยวกับกระบวนการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการทำหนังสือเชิญข้าพเจ้ารองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ให้มารับทราบข้อกล่าวหาจากคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม วงเงิน 407,229,545 บาท ปึงบประมาณ พ.ศ.2564
โดยมีการระบุในเนื้อหาว่า อ้างอิงที่มาของข้อมูลในข่าวว่า "แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศราว่า" โดยได้แสดงข้อมูลรวมถึงเนื้อหารายละเอียดต่างๆ ในการแจ้งข้อกล่าวหาของข้าพเจ้าทุกประเด็นอย่างชัดเจน รายละเอียดปรากฏตาม สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.
ข้าพเจ้าเห็นว่า การที่สำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าวดังกล่าวสู่สาธารณชน เกี่ยวกับเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหากับข้าพเจ้า ทั้งที่เป็น กระบวนการทำงานภายในของสำนักงาน ป.ป.ช. อันเป็นความลับของทางราชการ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และหรือตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งตามกฎหมายถือว่าข้าพเจ้ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
การดำเนินการดังกล่าวทำให้ข้าพเจ้าในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงาน และผู้บริหารสูงสุดขององค์กร เกิดความเสียหายต่อตัวข้าพเจ้า และต่อภาพลักษณ์ขององค์กรหรือต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อความเป็นธรรมแก่ข้าฯ จึงขอความเมตตาสำนักข่าวอิศราโปรดรับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม ดังต่อไปนี้
1. เนื่องจากในกรณีนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีความเห็นว่า การหักเงินเพิ่มดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562 และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.ศ.2561
แต่เนื่องจากการกระทำดังกล่าวของข้าพเจ้าเป็นเพียงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จึงส่งเรื่องข้าพเจ้าไปยังกระทรวงวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ซึ่งผลการสอบสวนวินัยของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก็ได้สรุปว่าข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและเห็นควรยุติเรื่อง ซึ่งผลการพิจารณานี้สภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานก็ได้พิจารณาและมีมติรับทราบผลการสอบสวนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่ในส่วนของ ป.ป.ช. จังหวัดนครราชสีมา ได้มีการแต่งตั้งคณะไต่สวนเบื้องต้นขึ้นมา ตรวจสอบเรืองนี้อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะไต่สวนเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาข้าฯ และข้าฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์หักล้างต่อคณะไต่สวนเบื้องต้น ตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้วทุกประการ ซึ่งภายหลังจากนี้จะเป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะไต่สวนจะต้องพิจารณาคำชี้แจงของข้าฯ อย่างละเอียดและทุกประเด็น ว่าการกระทำอยู่ในข่ายมีมูลความผิดหรือไม่เพียงใด ซึ่งหากเห็นว่ายังมีมูลความผิดอยู่ก็ต้องเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. จังหวัด พิจารณาเบื้องต้น และหากคณะกรรมการ ป.ป.ช จังหวัดยังเห็นว่าพฤติการณ์การกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็ต้องเสนอต่อไปที่คณะกรรมการป.ป.ช สำนักงาน ป.ป.ช เพื่อพิจารณาตัดสินอีกชั้นหนึ่งจึงจะได้ข้อยุติเรื่องนี้ทั้งหมด
จะเห็นได้ว่ายังมีขั้นตอนและใช้ระยะเวลายาวนานในการตัดสินการกระทำของข้าฯ ว่า เป็นการกระทำความผิดหรือไม่เพียงใด หรือให้ดำเนินการอย่างไร ต่อไป ซึ่งหากผลการตัดสินของคณะกรรมการ ป.ป.ช มีผลในทางเสียหายต่อข้าฯ ข้าฯ ก็จะใช้สิทธิทางศาลเพื่อโต้แย้งพิสูจน์การกระทำทุกขั้นศาลต่อไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ดังนั้น การกระทำของข้าฯ ในชั้นนี้ จึงยังไม่เป็นที่สุด ว่าข้าฯ ได้กระทำความผิดทางอาญา หรือทางแพ่ง หรือทางปกครอง ตามที่มีผู้พยายามชี้ว่าการกระทำของข้าฯ เป็นความผิดแล้วแต่อย่างใด และได้มีผู้นำเอกสารลับของข้าพเจ้ามาเผยแพร่โดยมิชอบด้วยกฎหมายทำให้ผู้อื่น สำคัญผิดในช่วงที่กำลังจะมีการสรรหาอธิการบดี
2. สำหรับการกระทำความผิดตามระเบียบสารบรรณของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในส่วนของการนำเอกสารลับของทางราชการไปเปิดเผยให้บุคคลภายนอกรับทราบข้อมูลอันเป็นความลับของทางราชการทำให้ข้อมูลถูกเปิดเผยในสื่อสังคมออนไลน์ทางใดทางหนึ่ง อันเป็นความผิดต่อระเบียบสารบรรณพ.ร.บ.ความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และพ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล อันเป็นการไม่ถูกต้องและก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้าฯ นั้น ข้าฯ จะดำเนินการตามกฎหมายต่อกระทำการดังกล่าวทั้งทางอาญาและทางแพ่งต่อไป เพื่อผดุงความเป็นธรรมของข้าพเจ้าต่อไป
ดังนั้น ข้าฯ ขอความเป็นธรรมในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต่อสำนักข่าวอิศรา ได้โปรดพิจารณาความถูกต้องเป็นธรรมต่อข้าฯ ด้วย และขอให้สำนักข่าวอิศราโปรดลงข่าวที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ข้าฯ ได้เกิดความเสียหายไปแล้ว