ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา พันตำรวจตรีรณยุทธิ์ ด้วงสกุล - ดาบตำรวจอรรถพล มาลัยรักษ์ 2 ตร.สังกัด ปอศ. เรียกเงินผู้ต้องหาเพื่อแลกไม่ดำเนินคดี-ควบคุมตัว-จัดทำบัญทึกตรวจค้นเป็นเท็จ ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษ จำคุกคนละ 7 ปี ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา พันตำรวจตรีรณยุทธิ์ ด้วงสกุล ดาบตำรวจอรรถพล มาลัยรักษ์ สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ควบคุมตัวผู้ต้องหาโดยมิชอบ และจัดทำบัญทึกการตรวจค้นเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 157 , 162 (4) , 309 และ 337 ประกอบมาตรา 83 ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 , 128 ประกอบมาตรา 169 , 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษา ดังนี้
1. พันตำรวจตรีรณยุทธิ์ ด้วงสกุล จำเลยที่ 1 ,ดาบตำรวจอรรถพล มาลัยรักษ์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฎหมาย
2. ลงโทษจำคุกพันตำรวจตรีรณยุทธิ์ ด้วงสกุล จำเลยที่ 1 ,ดาบตำรวจอรรถพล มาลัยรักษ์ จำเลยที่ 2 คนละ 7 ปี และให้ร่วมกันคืนเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 26 กรกฏาคม 2562 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เห็นชอบในการในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต