'อิทธิพล ชนธราศิริ-ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์' สส. พรรคประชาชน จวก 'แพทองธาร' ไร้ความสามารถแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5-ไม่เอาผิด 'พล.อ.ประยุทธ์' เพราะมีดีล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 มี.ค. 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายอิทธิพล ชนธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน กล่าวอภิปรายว่า น.ส.แพทองธาร มีเจตนาช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ถูกดำเนินคดีเหมืองทองอัครา ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตาม ม.44 ปิดเหมืองทองอัครา ทั้งที่ในช่วงที่พรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายค้านมีการอภิปรายตรวจสอบในประเด็นเหมืองทองอัครา ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ
“ใกล้จะครบ 2 ปีแล้วที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ผมยังไม่เห็นนายกแพทองธารจะทำอะไรอย่างที่พูดไว้เลย บอกจะเอาพล.อ.ประยุทธ์ ออกจากบ้านหลวงไปอยู่เรือนจำ ก็ไม่ทำ บอกจะดำเนินคดีก็ยังได้ไม่เริ่ม แค่จะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบง่าย ๆ แค่นี้ก็ยังไม่ทำ เพราะอะไรหรือท่านนายรักฐมนตรี ท่านก็รู้ว่าต้องเอาผิด ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือแค่พูดเพื่อให้ได้คะแนนเสียง ท่านรู้อยู่เต็มอกว่าต้องเอาผิดกับคนที่ทำประเทศเสียหาย แต่ที่ท่านนายกแพทองธารไม่ทำ เพราะนี่เป็นหนึ่งดีลที่จะเอาผลประโยชน์ของชาติไปช่วยคนผิดเพื่อแลกผลประโยชน์ทางการเมืองของท่าน" นายอิทธิพล กล่าว
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน กล่าวถึงประเด็นที่น.ส.แพทองธาร ไร้ความสามรถในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 หลายประเด็น โดยประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่ มาตรการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรที่มีการเผายังไม่ชัดเจน การไม่เปลี่ยนเกณฑ์การประกาศเขตภัยพิบัติที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 และการที่รัฐบาลตัดงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่า 2,400 ล้านบาท แต่อนุมัติงบกลางให้ไปแก้ปัญหาไฟป่า 620 ล้านบาท และยังตัดงบประมาณของท้องถิ่นในการแก้ปัญหาไฟป่า ทำให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าไม่มีงบประมาณในการจัดอบรมและซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ดับไฟป่า
"20 ก.พ. 2568 นายกฯออกสั่งการเหมือนเดิมทุกครั้ง สั่งว่าห้ามรับซื้อสินค้าเกษตรที่มีการเผา ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเผา สั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เพิ่มคำว่าขอร้องผู้ประกอบการให้งดรับซื้อวัตถุดิบและสินค้าเกษตรที่มีการเผา เมื่อมาดูผลของมาตรการดังกล่าวพบว่า ปัจจุบันมีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมาหลายแสนตันโดยไม่มีการตรวจเรื่องการเผา ตรวจพิกัดพื้นที่แปลงเพาะปลูก ตรวจแค่ไม่มีโรคและศัตรูพืชแค่นั้น ถ้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริง ๆ ต้องทำเสร็จตั้งแต่ ต.ค. 2567 และกลไกของกระทรวงพาณิชย์เรื่องประกาศมาตรการห้ามนำเข้าก็ยังไม่ชัดเจน ผมอภิปรายเรื่องนี้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐา จนตอนนี้รัฐบาลแพทองธารก็ยังปล่อยให้มีการนำเข้าโดยไม่ดูเงื่อนไขการเผา เพราะจากความกลัว ความช้า ต้องทำงานตามคำสั่งคนอื่น จึงส่งผลกระทบต่อประเทศทำให้ตามนายทุนไม่ทัน เพราะนายทุนไปเปิดโรงงานรับซื้อข้าวโพดเผาที่ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าเรายังมีนายกรัฐมนตรีที่ทำงานเชื่องช้าต้องรอให้นายทุนจูงจมูกไปเรื่อย ๆ ปัญหานี้จะแก้ไม่ได้เลย ลมหายใจของประชาชนไม่ใช่สิ่งที่จะมาขอร้องจากนายทุน อำนาจอยู่ในมือทำไมไม่กล้าใช้ นายกฯที่สั่งการขายผ้าเอาหน้ารอด สั่งซ้ำสั่งซ้อน ทำงานแบบนี้ไงถึงไม่มีใครให้ค่า รัฐมนตรีไม่เห็นหัว ราชการไม่เห็นค่า ต้องมองย้อนกลับมาที่ตัวเองหรือไม่ว่าไม่มีภาวะผู้นำ ยังกล้าเรียกตนเองว่านายกรัฐมนตรีหรือไม่" นายภัทรพงษ์ กล่าว