“…ในการนี้กรมทางหลวงแจ้งว่ามีความจำเป็น จะกำหนดสิทธิในการรับงานของผู้ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ งานก่อสร้าง ประกอบด้วย สาขางานก่อสร้างทางและสะพานชั้นพิเศษ สาขางานก่อสร้างทางและสาขางานก่อสร้างสะพาน โดยขอกำหนดจำนวนโครงการที่ผู้ประกอบการงานก่อสร้างสามารถรับงานของกรมทางหลวงได้ เพื่อมิให้ผลกระทบต่อการปฏิบัติงานจนเป็นเหตุให้งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญามีความล่าช้าและเกิดความเสียหายต่อทางราชการ ดังนั้น คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้…”
เหตุการณ์คานสะพานโครงการทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บริเวณถนนพระราม 2 ซอย 25 เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 5 ราย และผู้บาดเจ็บกว่า 30 ชีวิต
ความสูญเสียทั้งชีวิต-บาดเจ็บ และทรัพย์สินของผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนผู้สัญจรไปมาบนถนนพระรามสอง ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เกิดโศกนาฏกรรมเมื่อใด ผู้มีอำนาจในรัฐบาลก็ออกมาแอ็คชั่น ไม่มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น
ล่าสุดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาให้สัมภาษณ์ดับความรู้สึกโกรธแค้นของประชาชน เพราะกรณีเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้นจากไซด์งานก่อสร้างบนถนนพระรามสองจนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นซ้ำซาก ว่า สำหรับมาตรการสมุดพกผู้รับเหมาคาดว่าจะออกมาใช้ได้ภายในเดือนเมษายน 2568 ดังนั้นเมื่อผู้รับเหมาะทำผิดจะสั่งให้หยุดรับงานทันที และไม่สามารถประมูลงานได้
อ่านประกอบ :
- 'สุริยะ' ลั่นเริ่มใช้มาตรการสมุดพกผู้รับเหมาก่อน เม.ย.68 พบทำผิด สั่งหยุด-งดร่วมประมูล
- ผ่า 3 โปรเจ็กต์ ถนนพระราม 2 สร้างถึงไหนแล้ว? เอฟเฟกต์ 'หัวหิน' คนเที่ยวน้อย
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เครื่องมือที่กระทรวงคมนาคมสามารถนำออกมาใช้ได้ โดยไม่ต้องรอมาตรการสมุดพกผู้รับเหมาออกมา เพราะถึงแม้กฎหมายเดิมจะไม่ได้ให้อำนาจเรื่องการลดชั้นผู้ประกอบการและมาตรการเข้มงวดด้านความปลอดภัย แต่ควักออกมาใช้ได้ อาทิ ประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เรื่อง สิทธิในการรับงานของผู้ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง สาขางานก่อสร้างทางและสะพานพิเศษ สาขางานก่อสร้างทาง สาขางานก่อสร้างสะพาน ของกรมทางหลวง ซึ่งจำกัดจำนวนงาน รวมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นในการจ้างเพื่อขอจดทะเบียนเป็นผู้รับเหมางานบำรุงทางของกรมทางหลวง ซึ่งกำหนดเงื่อนไขผู้รับเหมาที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ รวมถึงการถอดชื่อออกจากบัญชีจดทะเบียนผู้รับเหมางาน
แม้กฎหมายดังกล่าวจะไม่สามารถนำมาใช้ได้กับเหตุการณ์คานสะพานทางด่วนพระราม 3 - ดาวคะนอง ฯ ที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ในการกำกับของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แต่หากมองในภาพรวมของการก่อสร้างตลอดเส้นทางถนนพระรามสอง ที่มีอยู่หลายโครงการและหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบ (หนึ่งในนั้นคือโครงการของกรมทางหลวง อ่านประกอบ : ผ่า 3 โปรเจ็กต์ ถนนพระราม 2 สร้างถึงไหนแล้ว? เอฟเฟกต์ 'หัวหิน' คนเที่ยวน้อย )
นับรวมถึงไซต์งานก่อสร้างของต่างหน่วยงาน ต่างต้นสังกัด ที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร ที่หน่วยงานภาครัฐต้องกลับไปตรวจสอบโครงการก่อสร้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองและนำกฎหมายที่มีอยู่แล้วนำออกมาใช้อย่างเคร่งครัด และ ‘บังคับใช้ได้จริง’ ไม่ต้องรอให้เหตุการณ์ที่ทั้งประชาชนและภาครัฐไม่มีใครอยากให้เกิด เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก แล้วถึงมาแก้ไขกฎหมาย-ยกร่างกฎเกณฑ์กันใหม่ เข้าตำรา ‘วัวหายล้อมคอก’ ยังไม่รับรวมสาเหตุที่ทำให้การส่งมอบงานล่าช้า-การรับงานเกินศักยภาพของบริษัทผู้รับเหมา จากการแบ่งโครงการของหน่วยงานก่อสร้างต่าง ๆ รองรับให้ผู้ประกอบการชั้นไหนบ้าง ตลอดจนการจ้าง ‘ผู้รับเหมาช่วง’ จนเกิดปัญหาขึ้นมาหลายครั้ง
ดังนั้น จึงต้องแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง-กลางทางและปลายทาง เริ่มตั้งแต่การตั้งโครงการ การขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบการแต่ละชั้น การควบคุมงานและการบริหารสัญญา รวมถึงบทลงโทษ
สำหรับประกาศคณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ เรื่อง สิทธิในการรับงานของผู้ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้าง สาขางานก่อสร้างทางและสะพานพิเศษ สาขางานก่อสร้างทาง สาขางานก่อสร้างสะพาน ของกรมทางหลวง ได้กำหนดให้
หน่วยงานของรัฐใดมีความจำเป็นจะกำหนดวงเงินรวมหรือจำนวนโครงการที่ผู้ประกอบการงานก่อสร้างสามารถรับงานได้ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานตามสัญญา กรณีนี้ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการได้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งเสนอให้คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการพิจารณาเพื่อประกาศเพิ่มเติมต่อไป
ในการนี้กรมทางหลวงแจ้งว่ามีความจำเป็น จะกำหนดสิทธิในการรับงานของผู้ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ งานก่อสร้าง ประกอบด้วย สาขางานก่อสร้างทางและสะพานชั้นพิเศษ สาขางานก่อสร้างทางและสาขางานก่อสร้างสะพาน โดยขอกำหนดจำนวนโครงการที่ผู้ประกอบการงานก่อสร้างสามารถรับงานของกรมทางหลวงได้ เพื่อมิให้ผลกระทบต่อการปฏิบัติงานจนเป็นเหตุให้งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามสัญญามีความล่าช้าและเกิดความเสียหายต่อทางราชการ ดังนั้น คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ดูลิงก์ประกาศฉบับเต็ม (https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/17155980.pdf)
ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นในการจ้างเพื่อขอจดทะเบียนเป็นผู้รับเหมางานบำรุงทางของกรมทางหลวง ยกตัวอย่างเช่น
การขอต่อทะเบียนเป็นผู้รับเหมางานบำรุงทาง
ผู้รับเหมาที่ขึ้นบัญชีจดทะเบียนรายใดประสงค์จะขอต่อต่อทะเบียนเป็นผู้รับเหมางานบำรุงทาง ย่อมกระทำได้โดยซื้อเอกสาร “หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นในการจ้างเพื่อขอจดทะเบียนเป็นผู้รับเหมา งานบำรุงทางของกรมทางหลวง” และยื่นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ใน ข้อ 5 เพื่อให้กรมทางหลางประเมินคุณสมบัติ และพิจารณาทบทวนว่าผู้รับเหมาที่ขึ้นบัญชีจดทะเบียนดังกล่าว ยังมีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ภายใน 90 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสารหลักฐานจากผู้ขอต่อทะเบียนครบถ้วนแล้ว โดยเป็นไปตามขั้นตอนในการพิจารณาคำขอจดทะเบียนผู้รับเหมางานก่อสร้างและบำรุงทางของกรมกรมทางหลวงตาม “คำแนะนำในการจัดเตรียมเอกสารและหลักฐานและแบบฟอร์มเพื่อขอจดทะเบียนเป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างและบำรุงทางของกรมทางหลวง” ในระหว่างที่กรมทางหลวงพิจารณา หากอายุการจดทะเบียนของผู้รับเหมารายนั้นสิ้นสุดลง จะไม่มีสิทธิประกวดราคางานบำรุงทาง จนกว่ากรมทางหลวงจะประกาศผลการพิจารณา
การถอดชื่อออกจากบัญชีจดทะเบียนผู้รับเหมางานบำรุงทาง
กรมทางหลวงสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาถอดถอนชื่อผู้รับเหมาออกจากบัญชีทะเบียนผู้รับเหมางางานบำรุงทางหากเข้าเกณฑ์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติประกวดราคางานจ้างเหมาก่อสร้างหรือบำรุงทางของกรมทางหลวง ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 2 ปี
- เป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างหรือบำรุงทางที่ถูกกรมทางหลวงได้บอกเลิกสัญญา
- เป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างหรือบำรุงทาง ที่มีผลงานบำรุงทางของกรมทางหลวงบกพร่องล้มเหลวจนเกิดความเสียหายต่อกรมทางหลวง และกรมทางหลวงพิจารณาให้ถอดถอนชื่อออกจากทะเบียนผู้รับเหมางานบำรุงทาง
- เป็นผู้รับเหมาที่ผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และฉบับแก้ไข ได้ประกาศในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน และได้แจ้งเวียนชื่อแล้ว
- เป็นผู้รับเหมาที่ขาดคุณสมบัติข้อหนึ่งข้อใด ตามหลักเกณฑ์ฉบับนี้
การพิจารณาคุณสมบัติผู้มีสิทธิเสนอราคางานจ้างเหมาก่อสร้าง บูรณะ หรือบำรุงทาง
กรมทางหลวงสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาไม่ให้ผู้รับเหมางานบำรุงทาง เข้าร่วมเสนอราคางานก่อสร้าง บูรณะหรือบำรุงทาง ในกรณีที่ผู้รับเหมางานบำรุงทางรายนั้น ดำเนินการประการใดประการหนึ่ง จนเข้าข่าข่ายต้องถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเสนอราคางานจ้างเหมาก่อสร้าง บูรณะ หรือบำรุงทาง ตามหลักเกณฑ์ที่กรมทางหลวงกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
- ผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกให้ทำสัญญากับกรมทางหลวงไม่มาลงนามในสัญญา ภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่หน่วยงานเจ้าของงานมีหนังสือแจ้งให้ทราบ
- ในกรณีที่ผู้รับเหมาไม่เข้าดำเนินการภายในระยะเวลาที่หน่วยงานเจ้าของงานกำหนด แต่ไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มต้นตามสัญญา โดยมิได้เป็นความผิดของหน่วยเจ้าของงาน
- ผู้รับเหมากำลังทำงานอยู่และงานนั้นหมดสัญญาแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จโดยไม่มีเหตุอันสมควรจะไม่มีสิทธิเสนอราคา ยกเว้นเมื่องานที่เหลือนั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จตามสัญญาในเวลาอันใกล้ และผลงานที่แล้วเสร็จในขณะนั้นต้องไม่น้อยกว่า 90% ของงานที่คาดว่าจะทำจริง
- ภายในระยะเวลารับประกันผลงาน ผู้รับเหมาไม่เข้าดำเนินการซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ชำรุดบกพร่องของงานภายในระยะเวลาที่ผู้ว่าจ้างกำหนด โดยเป็นความผิดขดของผู้รับเหมา (ให้ปฏิบัติตามแนวทางตามหนังสือกรมฯ อนุมัติ เลขที่ สมท.1/532 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2549 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ชำรุดบกพร่องของงานก่อสร้างและบำรุงทาง ภายในระยะเวลารับประกันผลงานตามที่กำหนดในสัญญา)
- กรณีลูกจ้างผิดเงื่อนไขสัญญาว่าจ้างโดยผู้รับเหมาไม่คืนเงินค่า K หรือเงินที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ภายในระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง
- ผู้รับเหมาที่กรมทางหลวงได้บอกเลิกสัญญา หรืออยู่ในระหว่างที่หน่วยงานเจ้าของงานขออนุมัติงานบอกเลิกสัญญา โดยเป็นความผิดของผู้รับเหมา จะไม่มีสิทธิเสนอราคา
เมื่อผู้รับเหมารายที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเสนอราคาจ้างเหมางานบำรุงทาง หากแก้ไขผลงานบำรุงทางได้ดีแล้ว หรือดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว กรมทางหลวงจะพิจารณาเป็นผู้มีคุณสมบัติในการเสนอราคาต่อไป
เงื่อนไขผู้รับเหมาที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเสนอราคา
ด้วยระเบียบสานกนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพสดุ ขอ 33 ทวิ กำหนดไว้ว่า “ในการซื้อหรือการจ้างแต่ละครั้งให้ส่วนราชการพิจารณาถึงความสามารถในการรับงานของผู้ขายหรือผู้รับจ้างประกอบการพิจารณาคัดเลือกของส่วนราชการด้วยในกรณีที่ส่วนราชการใดมีการขึ้นบัญชีผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นสำหรับการซื้อหรือการจ้างไว้แล้ว ให้ส่วนราชการนั้นแจ้งให้ผู้ขายหรือผู้รับจ้างที่อยู่ในบัญชีผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้นดังกล่าวแสดงหลักฐานถึงขีดความสามสามารถและความพร้อมที่ตนมีอยู่ในวันเสนอราคาตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดทั้งในด้านบุคลากร เครื่องมือ โรงงานและฐานะทางการเงินของตนต่อส่วนราชการ”
ดังนั้นเพื่อดำเนินการตามนัยระเบียบข้างต้น และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ กรมทางหลวงจึงกำหนดเงื่อนไขผู้รับเหมาที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเสนอราคาตาม ข้อ 10 ดังนี้
- ไม่มีสิทธิเสนอราคางานก่อสร้าง บูรณะ หรือบำรุงทาง ของกรมทางหลวง
- กรณีถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหลังจากได้ซื้อแบบประกวดราคาไปแล้ว กรมทางหลวงสงวนสิทธิ์พิจารณาผู้รับเหมารายดังกล่าวออกจากการเสนอราคา โดยผู้รับเหมาที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติสามารถขอคืนค่าซื้อแบบประกวดราคาได้
- กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิของผู้รับเหมาที่ถูกพิจารณาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเสนอราคม คำวินิจฉัยของกรมทางหลวงให้ถือเป็นที่สุด
สุดท้ายคำถามตัวโตที่นายสุริยะ ในฐานะเจ้ากระทรวงคมนาคม ดีกรีอยู่โยงมาแล้ว 2 สมัย ต้องตอบคำถามสังคม ว่า เพราะสาเหตุใดถึงไม่ควักเครื่องมือดังกล่าวที่มีอยู่แล้วออกมาใช้เบ็ดเสร็จ-เด็ดขาด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหมือนเช่นกรณีโศกนาฎกรรมรถบัสทัศนศึกษานักเรียนไฟไหม้ ที่มีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้ว แต่ขาดการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือต้องรอให้ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอีกมากเท่าไหร่ รวมถึงผู้สูญเสียที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีอีกหลายชีวิตอยู่ข้างหลัง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ :