ป.ป.ช.ลงมติ 4 ต่อ 2 เสียง 'เขมทัตต์ พลเดช' อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท-พวก รอดอาญา ชี้มูลแค่ผิดวินัยไม่ร้ายแรง กรณีอนุมัติสนับสนุนประชาสัมพันธ์งานประชุม SB'18 Bangkok (Sustainable Brands 2018 Bangkok) เอื้อประโยชน์บ.บีอิ้งชัสเทนฯ ทำให้องค์กรเสียหาย เผยระดับผอ.สำนักไต่สวน เห็นแย้งผิดทั้งสองอย่าง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการพิจารณาสำนวนไต่สวนคดีกล่าวหา นายเขมทัตต์ พลเดช อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และพวกอีก 5 ราย คือ นายธิติพร จุติมานนท์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการฝ่าย 9 MCOT HD สังกัดสำนักโทรทัศน์ สายงานการผลิตเนื้อหาและรายการ , นางสาวศิริกุล เลากัยกุล อดีตกรรมการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัท บีอิ้งซัสเทน จำกัด, นางมัทนา วัทนฤทธิ์ กรรมการบริษัทและผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญผูกพันบริษัท บีอิ้งซัสเทน จำกัด, บริษัท บีอิ้งซัสเทน จำกัด และนายเสฏฐวุฒิ จับทร์วาววาม อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานการผลิตเนื้อหาและรายการ
กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีอนุมัติให้การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์งานประชุม SB'18 Bangkok (Sustainable Brands 2018 Bangkok) เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท บีอิ้งชัสเทน จำกัด ทำให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหาย
โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้ชี้มูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรง นายเขมทัตต์ พลเดช ,นายธิติพร จุติมานนท์ และ นายเสฏฐวุฒิ จับทร์วาววาม
ส่วนนางสาวศิริกุล เลากัยกุล ไม่อยู่ภายใต้ความรับผิดทางวินัย บมจ. อสมท. ตามระเบียบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่าด้วยข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน พ.ศ. 2558 ขณะที่นางมัทนา วัทนฤทธิ์ และบริษัท บีอิ้งซัสเทน จำกัด เป็นบุคคลภายนอกจึงไม่มีมูลความทางวินัย
ขณะที่ความผิดทางอาญาให้ตกไป ตามความเห็นคณะไต่สวนเบื้องต้น
สำหรับกรรมการข้างน้อย 2 เสียง คือ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข และ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ
แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ในการไต่สวนคดีนี้ คณะไต่สวนพิจารณาสำนวนเบื้องต้น มีความเห็นว่า นายเขมทัตต์ พลเดช และพวก ไม่มีมูลความผิดทางอาญา แต่มีมูลความผิดทางวินัย ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักไต่สวน มีความเห็นแย้งว่า นายเขมทัตต์ พลเดช และพวก มีมูลความผิดทางอาญา และวินัยร้ายแรง ส่วนรองเลขาธิการฯ เห็นด้วยกับความเห็นของคณะไต่สวน จากนั้นมีการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ก่อนที่จะมีมติ 4 ต่อ 2เสียง เห็นด้วยกับคณะไต่สวนว่า นายเขมทัตต์ พลเดช และพวก ไม่มีมูลความผิดทางอาญา แต่มีมูลความผิดทางวินัยดังกล่าว