แพร่มติ ป.ป.ช. ชี้มูล 'อำพร มณีกรรณ์' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง นครราชสีมา-พวก คดีทุจริตจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงอเนกประสงค์ ปี 56 ส่งสำนวน อสส.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกม. กลุ่มเอกชนโดนด้วยแจ้งกรมบัญชีกลางขึ้นทะเบียนผู้ทิ้งงาน -เผยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้รอลงอาญายื่นบัญชีฯเท็จ ซุกหนี้ 1 ล. มาแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายอำพร มณีกรรณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา กับพวก กรณีกล่าวหาทุจริตจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงอเนกประสงค์ของเทศบาลตำบลโพธิ์กลาง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ส่งสำนวนอัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย แจ้งชดใช้ค่าเสียหายด้วย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนไต่สวนคดีนี้ แล้วมีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและทางวินัย ดังนี้
การกระทำของนายอำพร มณีกรรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 12 และตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 แต่ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 12 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีในฐานความผิดดังกล่าว
การกระทำของ นายสมมิตร ขวัญกลาง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายอรรถกร ล้อมในเมือง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายสิปปวิชญ์ พัดขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 11 และมาตรา 12 และความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง แต่ความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 12 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีในฐานความผิดดังกล่าว
การกระทำของ บริษัท แกรนด์ทรัค แอนด์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางสาวทองโปรย นาคศรีพรหม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นายไกรศร จงวัฒนะคงคา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 บริษัท ฤทธิกร วิศวกรรม จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 นายชัยวัฒน์ ชัยสวัสดิถานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 นางสาวสุรีย์รัตน์ ชัยสวัสดิถานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 บริษัท คอสโมทรัค แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 นายพีรพงษ์ ถิ่นสันติสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 และนายภัทรพล หรือพัชรพล มีคง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 และมาตรา 11 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พรบ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 แต่ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 และมาตรา 11 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีในฐานความผิดดังกล่าว
การกระทำของ บริษัท ชัยมนัส บอดี้ จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และนายมนัส ชัยสวัสดิถานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 จากการไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า บริษัท ชัยมนัส บอดี้ จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และนายมนัส ชัยสวัสดิถานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายอำพร มณีกรรณ์ นายสมมิตร ขวัญกลาง นายอรรถกร ล้อมในเมือง นายสิปปวิชญ์ พัดขุนทด บริษัท แกรนด์ทรัค แอนด์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด นางสาวทองโปรย นาคศรีพรหม นายไกรศร จงวัฒนะคงคา บริษัท ฤทธิกร วิศวกรรม จำกัด นายชัยวัฒน์ ชัยสวัสดิถานนท์ นางสาวสุรีย์รัตน์ ชัยสวัสดิถานนท์ บริษัท คอสโมทรัค แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด นายพีรพงษ์ ถิ่นสันติสุข และนายภัทรพล หรือพัชรพล มีคง และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายอำพร มณีกรรณ์ นายสมมิตร ขวัญกลาง นายอรรถกร ล้อมในเมือง และนายสิปปวิชญ์ พัดขุนทด ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พรบ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วย พร้อม ให้แจ้งเทศบาลตำบลโพธิ์กลาง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตาม พรบ. ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง และให้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำของบริษัท แกรนด์ทรัค-แอนด์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด บริษัท ฤทธิกร วิศวกรรม จำกัด บริษัท คอสโมทรัค แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด ให้กรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ให้เป็นผู้มีลักษณะเป็นผู้ทิ้งงาน ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่อไปด้วย
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายอำพร มณีกรรณ นายกเทศมนตรี ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ กรณีไม่แสดงรายการกู้ยืมเงิน จำนวน 1 ล้านบาท ให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
อ่านประกอบ :