'วีระ สมความคิด' ไปป.ป.ช.นัดรับเอกสารคดีนาฬิกาหรูบิ๊กป้อมแล้ว ได้ครบทั้ง 3 ราย แต่เจอทำคาดดำปกปิดข้อความเพียบเหมือนเดิม ชี้ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามคำสั่งศาลปค. เตรียมยื่นเรื่องบังคับคดี ขู่ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ หลังปีใหม่นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 นายวีระ สมความคิด เดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ เพื่อเข้ารับเอกสารข้อมูล ผลสอบคดีนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้เปิดเผยข้อมูลให้แก่นายวีระ อย่างเป็นทางการแล้ว แต่มีเงื่อนไขให้ปิดทับชื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน
โดยเอกสารข้อมูลคดีนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตร มีจำนวน 3 รายการ ได้แก่
1. รายการการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดในคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
2. ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้
3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อถึงเวลารับมอบเอกสารตามคำบังคับ ทาง ป.ป.ช. ได้มีบันทึกรับมอบเอกสารตามคำบังคับคดีให้ นายวีระ ลงนาม ระบุว่า
ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ปช 0029/4889 ลงวันที่ 6 ธ.ค. 2566 เรื่อง แจ้งให้ไปรับข้อมูลข่าวสารตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.224/2566 นั้น
13 ธ.ค. 2566 เวลา 10.00 นาฬิกา ข้าพเจ้า นายวีระ สมความคิด ได้มารับมอบเอกสารรายการที่ 2
ความเห็นของพนักงานที่ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหา ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ อ.789/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ.224/2566 ระหว่าง นายวีระ สมความคิด ผู้ฟ้องคดี สำนักงาน ป.ป.ช. ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกฟ้องคดี ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ตามหนังสือดังกล่าวข้างต้นแล้ว และข้าพเจ้าได้รับมอบเอกสารรายการที่ 2 ความเห็นของพนักงานที่ ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบในเรื่องกล่าวหา จำนวน 20 แผ่น แล้วจึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน
อย่างไรก็ดี นายวีระ ได้ตรวจสอบเอกสารแล้ว พบว่า ได้รับเอกสารที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ.224/2566 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2566 โดยมีการคาดดำปกปิดข้อความบางส่วน จึงขอให้ระบุคำดังกล่าวลงในบันทึกรับมอบเอกสารตามคำบังคับคดี
แต่ ทาง ป.ป.ช.ไม่ยอมเขียนเพิ่มให้ ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมกัน จึงไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกมอบเอกสารตามคำบังคับแต่อย่างใด
ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้บันทึกรายงานเหตุการณ์ขึ้น ลงวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ระบุว่า
ด้วยในวันที่ 13 ธ.ค. 2566 (เวลา 10.00 น.) เลขาธิการคณะกรรมการ ป ป.ช. พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่
ได้ร่วมกันดำเนินการส่งมอบเอกสารรายการที่ 2 (ส่วนรายการที่ 1 และรายการที่ 3 ส่งมอบแล้ว) เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566) ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.224/2566 ให้แก่นายวีระ สมความคิด ตามบันทึกรับมอบเอกสารตามคำบังคับ ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ตามเอกสารแนบท้ายบันทึกฉบับนี้
ปรากฎว่า นายวีระ สมความคิด ได้ตรวจสอบเอกสารแล้ว พบว่า
1. เอกสารรายการที่ 3 ซึ่งเคยมีการส่งมอบแล้ว แต่มีการปกปิดรายละเอียดโดยมีการคาดคำ ปกปิดข้อความบางส่วนและให้กระดาษเปล่าตั้งแต่หน้าที่ 48-86 ซึ่งไม่ถูกต้อง จึงประสงค์ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการส่งมอบให้ถูกต้องครบถ้วน
2. เอกสารรายการที่ 2 ที่ส่งมอบในวันนี้ ไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลสูงสุดเนื่องจากยังมีการปกปิดข้อความบางส่วน จึงประสงค์จะเติมเนื้อหาดังกล่าวให้ปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษรในบันทึกรับมอบเอกสารตามคำบังคับ ทั้งนี้เอกสารรายการที่ 2 เป็นส่วนต่อกับเอกสารรายการที่ 1 ตั้งแต่หน้า 75-90 ซึ่งหน้า 1 - 74 ได้รับมอบไปแล้วก่อนหน้านี้
โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ ป.ป.ช. เห็นว่า การปกปิดข้อความบางส่วนนั้นเป็นการปกปิดชื่อ สกุล ตำแหน่งของบุคคลซึ่งปรากฏในเอกสารตามกฎหมายและตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งการที่นายวีระ สมความคิด อ้างว่าไม่ถูกต้องไม่ครบถ้วนนั้นเป็นเรื่องที่มีความเห็นแตกต่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่อาจตกลงกันได้
ในการเติมข้อความดังกล่าวลงในบันทึกรับมอบเอกสารตามคำบังคับ จึงทำบันทึกรายงานเหตุการณ์ฉบับนี้ไว้
คงว่านายวีระ สมความคิด ได้รับมอบเอกสารรายการที่ 2 จำนวน 18 แผ่น และเอกสารรายการที่ 3 (เพิ่มเติม) จำนวน 40 แผ่น ตั้งแต่หน้าที่ 1 และหน้า 48- 86 รวมทั้งสิ้น 2 รายการ จำนวน 58 แผ่น ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ไว้แล้ว แต่ไม่ประสงค์ลงลายมือชื่อรับมอบเอกสารตามบันทึกรับมอบเอกสารตามคำบังคับ
จึงประสงค์ลงลายมือชื่อในบันทึกรายงานเหตุการณ์ฉบับนี้
นายวีระ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศรา ว่า เอกสารที่ได้รับครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ซึ่งทาง ป.ป.ช. ให้กระดาษเปล่ามา 75-90 แต่ในวันนี้ ป.ป.ช.อ้างว่าเอกสารชุดที่ 2 ที่ให้วันนี้คือ หน้า 75 -90 นั้นเอง ซึ่งได้ครบถ้วนแล้ว แต่ยังมีคาดดำปกปิดข้อความเช่นเดิม
ส่วนรายการที่ 3 ในวันที่ 10 ส.ค. นายวีระ ได้รับเอกสารกระดาษเปล่ามาเกือบ 40 หน้า คือตั้งแต่หน้า 48 - 86 แต่วันนี้ได้ไม่ครบ จึงระบุกับทาง ป.ป.ช. วันนี้ต้องได้เอกสารครบ ทางกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติพิจารณาเปิดข้อมูลตามที่นายวีระขออีกครั้ง และในที่สุด ป.ป.ช.ยอมให้เอกสารทั้งหมด โดยได้เอกสารครบทั้ง 3 รายการแล้ว ไม่มีการให้กระดาษเปล่าแล้ว แต่ยังมีการคาดดำอยู่ดี
นายวีระ กล่าวอีกว่า เอกสารทั้ง 3 รายการ ที่ถูกคาดดำปกปิดข้อความอยู่ ถือว่าไม่ถูกต้องตามที่ศาลกำหนดอยู่ดี ศาลไม่ได้สั่งให้ไปคาดดำปิดทับ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้ จะทำอย่างไรต่อ นายวีระ ระบุว่า จะเตรียมการดำเนินคดีต่อ โดยจะนำเอกสารไปบังคับคดีกับศาลปกครอง ให้ศาลดู ว่าได้รับมาแบบนี้ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง และไม่ครบถ้วน และจะฟ้องดำเนินคดีกับกรรมการ ป.ป.ช.และพนักงาน ป.ป.ช.ที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบหลังปีใหม่
"ผมใช้ความอดทนอย่างมาก สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด ทำไม่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เลย ผมในฐานะที่เป็นคนยื่นร้องกับ ป.ป.ช. ผมก็อยากทำให้ถึงที่สุด ป.ป.ช. จะมาตอบว่า นาฬิกายืมเพื่อน ไม่ผิด ผมรับไม่ได้ ผมจึงอยากได้หลักฐาน มีพยานหลักฐานอย่างไร" นายวีระกล่าว