ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'โยธิน สุรินทร์' พนง.จ้าง เทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง ร่วมทุจริตโครงการซ่อมแซมตลิ่งคันดินลำน้ำ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ แก้ฐานความผิดเป็นมาตรา 157 แต่ยืนรอลงอาญาคุกไว้ 3 ปี เหตุกระทำความผิดช่วงอายุ 26 ปี ด้อยประสบการณ์ทำงาน ขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจ-เกรงกลัวอิทธิพลไม่กล้าโต้แย้งคัดค้านความเสี่ยงกระทำความผิดซ้ำระดับต่ำ ให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายพุฑฒิชัย ฤาชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน กับพวก ทุจริตโครงการซ่อมแซมตลิ่งคันดินลำน้ำในเขตพื้นที่ตำบลบ้านโฮ่ง จำนวน 2 โครงการ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157,162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83 ,86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา
คดีในส่วน นายโยธิน สุรินทร์ ปรากฏชื่อเป็นจำเลยที่ 7 ส่วนจำเลยอื่น ศาลมีคำสั่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) ในฐานะโจทก์แยกฟ้องจำเลยอื่นเป็นคดีใหม่
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้ คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5
จากที่พิพากษาว่า นายโยธิน สุรินทร์จ าเลยที่ 7 มีความผิดตามมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 7 เคยรับโทษจำคุกมาก่อน
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 7 อายุ 26 ปี เป็นพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลที่เกิดเหตุ
จำเลยที่ 7 ให้ถ้อยคำต่อพนักงานคุมประพฤติอ้างเหตุในการกระทำความผิดว่าจำเลยที่ 7 ด้อยประสบการณ์การทำงาน ขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจและเกรงกลัวอิทธิพลไม่กล้าโต้แย้งหรือคัดค้าน
เหตุคดีนี้เกิดเมื่อปี 2556 หลังเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 7 ได้กระทำความผิดใดขึ้นอีก
เมื่อพิจารณาถึงสภาพความผิดประกอบความเห็นของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยที่ 7 มีความเสี่ยงในการกระทำความผิดซ้ำในระดับต่ำ
เห็นควรให้โอกาสจำเลยที่ 7 กลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยให้รอการกำหนดโทษไว้มีกำหนด 3 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
แก้เป็น จำเลยที่ 7 มีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 , 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษ หนักที่สุดตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 90 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่ อัยการสูงสุด (อสส.) หารือไม่ฎีกาคำพิพากษา ของศาลอุทธรณ์เห็นควรไม่ฎีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับ นายพุฑฒิชัย ฤาชัย อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบ้านโฮ่ง เคยปรากฏเป็นข่าว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2561 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับจำคุก 5 ปี ในคดีสมยอมกันในการเสนอราคางานรัฐ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 11 และ 12
ทั้งนี้ นายพุฑฒิพงษ์ เคยปรากฎชื่อถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวด้วย ในช่วงเดือนมิ.ย.2558 ที่ผ่านมาด้วย