“...เรื่องอิทธิพล การข่มขู่ นายกฯชายก็บอกไว้ชัดแล้วว่า อย่าไปกลัว และผมก็เห็นด้วย อย่าไปกลัว เพราะว่าโดยทั่วไปแล้วจังหวัดนี้ จะมีนักเลง มีบ่อนการพนัน หรืออะไรก็ตาม ก็จะไม่มายุ่งกับการเมือง แต่ช่วงหลังเข้าใจว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไปบอกคนเหล่านั้น ซึ่งลำพังคนเหล่านั้นความอยู่รอด หากทำอะไรที่ผิดฎหมายความอยู่รอด ก็ต้องระวังอยู่แล้ว แล้ววันหนึ่งเมื่อมาทำการเมือง ก็มีศัตรูมากขึ้น แล้วศัตรูก็เป็นคนสุจริตด้วย ก็เป็นอันตรายกับเขาเอง ผมว่าเขาเองก็คงไม่อยากทำ ถ้ามีโอกาสเป็นไปได้ขอให้ระวัง...”
โค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้งพื้นที่ปักษ์ใต้ ฐานที่มั่นเดิมในอดีตของ “พรรคประชาธิปัตย์” คึกคักเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
ด้วยสมรภูมิแห่งนี้ เปรียบเสมือนขุมทองของบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ที่หมายมั่นกันเข้ามาปักหลักช่วงชิงเก้าอี้ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ ด้วยประเมินถึงภาวะอ่อนกำลังลงของ “พรรคสีฟ้า”
ดังปรากฏภาพแกนนำสำคัญจากพรรคต่าง ๆ ล้วนต่างเร่งลงมาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” จากพรรคพลังประชารัฐ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จากพรรคภูมิใจไทย “ทวี สอดส่อง” จากพรรคประชาชาติ หรือแม้แต่ “แพทองธาร ชินวัตร” และ “เศรษฐา ทวีสิน” จากพรรคเพื่อไทย และ แกนนำพรรคก้าวไกล ที่มาเคลื่อนไหวขอคะแนนระบบบัญชีรายชื่อตามหัวเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างภูเก็ต
จนเจ้าถิ่นอย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องระดมขุนพลลงมาปกบ้านป้องเมืองกันอุตลุตในเวลานี้
ทั้ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค โดยมี “เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ “นายกฯชาย” รองหัวหน้าพรรคภาคใต้เป็นโต้โผใหญ่ ร่วมกับ “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรค ระดมทุกสรรพกำลัง เร่งลงเดินทุกพื้นที่ ปราศรัยทุกหนแห่ง
ดึงตัวเด่นตัวดังของพรรคมาช่วยลงพื้นที่ดึงกระแส ทั้ง “ชวน หลีกภัย” “บัญญัติ บรรทัดฐาน” “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ฯลฯ รวมถึงแกนนำระดับกลาง ทั้ง “ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” “มาดามเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี” “ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” “ชัยชนะ เดชเดโช” เป็นต้น
ปรากฏการณ์ระดมพลครั้งใหญ่ เพื่อปกป้องฐานที่มั่นดังกล่าว เป็นเครื่องสะท้อนให้ความสำคัญต่อ “หม้อข้าวหลัก” ทางการเมือง ที่เสียไปไม่ได้ คือพื้นที่ภาคใต้ ต่อการรุกคืบอย่างหนักหน่วงจากพรรคสำคัญ ที่ทะลุทะลวงตีฝ่ากันเข้ามาถึงหน้าประตูบ้าน
โดยเฉพาะ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่เจาะโซนภาคใต้ตอนบน ตอนกลาง ตรัง-นครศรีธรรมราช และพื้นที่สงขลา “พรรคพลังประชารัฐ” ที่มีส.ส.เดิมหลายพื้นที่และกำลังขยายฐานกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“พรรคภูมิใจไทย” ที่เริ่มควบคุมโซนอันดามัน-พัทลุงได้อย่างเบ็ดเสร็จ และกำลังขยายไปสงขลา หรือแม้กระทั่ง “พรรคเพื่อไทย” ในบางพื้นที่ รวมถึงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เจอคู่ต่อสู้อย่าง “พรรคประชาชาติ” และพรรคอื่นๆ
เหมือนถูกรุมสกรัมในระดับภาค และยิ่งไปกว่านั้น ในระดับจังหวัดหลายจังหวัด ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ผูกขาดครอบครอง ก็มิอาจเหมือนเดิมอีกต่อไป
เช่นเดียวกับ จ.ตรัง พื้นที่บ้านเกิดของ “นายหัวชวน” ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หลังจากการเลือกตั้งปี 2562 ต้องเสียพื้นที่ไข่แดง เขต 1 ให้กับ “พรรคพลังประชารัฐ” มาเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้ง 4 เขตเลือกตั้งของตรัง ก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม
บารมีความนิยมของ “นายหัวชวน” มิอาจข้ามยุคสมัยมาได้แบบนอนมาอีกแล้ว ทฤษฎี “เสาไฟฟ้า” ได้ถูกสลายลงอย่างสิ้นเชิง?
ผู้สื่อข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้มีโอกาสตามติดภารกิจของ “นายหัวชวน” ในการเดินหาเสียงที่บ้านเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ช่วงเช้าบริเวณตลาดสดเทศบาลนครตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง เพื่อช่วยผู้สมัครปชป. เขต 1 ตรัง “น.พ.ตุลกานต์ มักคุ้น” ซึ่งต้องปะทะกับคู่แข่งอย่างหนักหน่วงถึงกว่า 6 พรรคเป็นอย่างน้อย
ได้แก่ “ถนอมพงษ์ หลีกภัย” ผู้มีศักดิ์เป็นหลานแต่ลงในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ “กิตติพงศ์ ผลประยูร” จากพรรคพลังประชารัฐ “นพ.รักษ์ บุญเจริญ พรรคภูมิใจไทย “ทันตแพทย์หญิงสรวีย์ ภัทรอิสริยาไชย” พรรคเพื่อไทย และ “ศุภกร สุวรรณหมัด” จากพรรคก้าวไกล จากจำนวนผู้สมัครทั้งหมดมากถึง 13 พรรคในเขตเดียว
มนต์ขลัง “นายหัวชวน” จะยังทรงอานุภาพในปักษ์ใต้โดยเฉพาะตรังบ้านเกิดหรือไม่เพียงใด
ระหว่างเดิน “สำนักข่าวอิศรา” ได้ชักชวนถามมาเล่าต่อ แบบคำต่อคำ
สำนักข่าวอิศรา : พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่ามีที่มั่นในภาคใต้มาอย่างยาวนาน แต่ในยุคนี้มีพรรคการเมืองใหญ่หลายพรรค ลงมาเพื่อจะยึดพื้นที่ด้วย ตัวนายชวนเองมีความมั่นใจกับการเลือกตั้งครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน
นายชวน : "ถ้าเราย้อนกลับไปในอดีตจะเห็นว่าประชาธิปัตย์ในยุคที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค ภาคใต้มีความมั่นคง อย่างน้อยร้อยละ 80 ของผู้สมัคร ส.ส. ได้รับการเลือกตั้งมาตลอด แต่ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี2562 เริ่มมีปัญหา ตำแหน่งของส.ส.ในภาคใต้ก็หลุดไปเยอะ ซึ่งถือว่าการเลือกตั้งครานั้นมีการเปลี่ยนแปลง"
"สำหรับครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะย้อนกลับมาได้มากกว่าเดิม เชื่อว่ามากกว่าเดิม(เน้นเสียง) แต่ว่าจะให้เหมือนสมัยก่อนโน้น อาจจะยังไม่ถึงระดับนั้น"
สำนักข่าวอิศรา : มองความผูกพันของคนใต้ กับ พรรคประชาธิปัตย์ ในยุคนี้ยังเหมือนเดิมไหม
นายชวน : "ความผูกพันยังดีมาก เมื่อวานนี้(4 พ.ค.) ผมอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และอ.จะนะ จ.สงขลา โดยปฏิกิริยาของชาวบ้าน ก็ให้การต้อนรับ คนที่ไม่เคยมาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ตกใจ เช่น ดร.เอ้( ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์) , มาดามเดีย (ทันยา วงษ์โอภาสี) เขาไม่เคยเห็นว่าที่ไหนจะมีความผูกพันกันมากขนาดนั้น อย่างไรก็ตามที่ลงมาช่วยภาคใต้ครั้งนี้ ผมได้รับคำสั่ง ต้องใช้คำว่าได้รับคำสั่ง จากหัวหน้าพรรค(จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ให้กลับมาภาคใต้ในตอนที่ผมกำลังหาเสียงระบบบัญชีรายชื่ออยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และ ภาคอีสาน เพราะว่าสถานการณ์เงินที่เข้ามามาก มีพรรคการเมืองใหญ่ๆ หลายพรรคที่เอาเงินเข้ามาเป็นฐานสำคัญที่จะเอาชนะในการเลือกตั้ง"
"ผมจำเป็นต้องมาพูดเพื่อให้คนเข้าใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าคนอยากได้เงิน แต่ได้ชี้ให้เขาเห็นว่าการที่เลือกคนที่เอาเงินมา ผลกลับมาคือคนเหล่านี้จะไปเอาคืน ไม่มีหรอกที่เขาไม่เอาคืน"
สำนักข่าวอิศรา : ทั้ง 4 เขต ของจ.ตรัง บ้านเกิดของท่าน คาดว่าจะได้ส.ส.กี่ที่นั่ง
นายชวน : "ผมไม่แน่ใจ..ไม่สามารถประเมินได้ แต่คิดว่าสำหรับภาคใต้จะได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่าเดิม แต่ไม่อาจประเมินได้ว่าจะเพิ่มกี่ที่นั่ง"
สำนักข่าวอิศรา : ล่าสุดนายกฯชาย (นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) ประกาศบนเวทีปราศรัยที่จ.ตรัง ว่าจ.ตรัง จะได้ ส.ส.ทั้ง 4 เขตแน่นอน
นายชวน : “ผมไม่ทราบครับ เพราะไม่อาจไปประเมินอย่างนั้นได้ เพราะมีความเปลี่ยนแปลงในบางเรื่อง เช่น เขต4 ตรัง มีการเปลี่ยนไป โดยนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ต้องออกไป ซึ่งผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ว่าเมื่อเป็นความเห็นและนโยบายของคณะผู้บริหาร ก็ไม่สามารถคัดค้านได้ ทั้งที่ความจริงได้ขอร้องแล้วว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา เขาเป็นอดีต ส.ส.อันดับ1 แล้วไปทำโพล ซึ่งนายสมบูรณ์ ก็ยืนยันว่าโพลนั้นบิดเบือน ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ว่านั่นเป็นดุลยพินิจ ดุลพินิจว่าอย่างนั้น ก็ต้องไปอย่างนั้น แต่จะให้ผมยืนยันว่าจ.ตรัง จะได้ ส.ส.ทั้ง 4 เขต ก็ต้องดูกันที่ผลการเลือกตั้ง ผมไม่กล้ารับรองไม่ว่าเขตใดก็ตาม”
สำนักข่าวอิศรา : แล้วแบบนี้จะไปลงพื้นที่ช่วยหาเสียงทั้ง 4 เขตเลือกตั้งของตรังหรือไม่
นายชวน : "ผมไปเฉพาะ 3 เขต ส่วนเขต4 ไม่อยากไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนน้ำใจกัน เพราะนายสมบูรณ์ เป็นเลขาของผม ตอนผมเป็นประธานสภา นายสมบูรณ์ก็ช่วยงามผมมาโดยตลอด"
"แล้วจู่ ๆ จะให้ผมไปหาเสียงทำลายเขา ผมทำไม่ได้ เราคบกันมาก็ต้องคบกันตลอดไป ส่วนทางการเมืองมติพรรคเป็นอย่างไร นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
สำนักข่าวอิศรา : นายกฯชายปราศรัยบอกว่า ตอนนี้มีกระแสอิทธิพลในจ.ตรัง ที่เข้ามามีส่วนในการหาเสียงของผู้สมัคร
นายชวน : "วันก่อนนายกฯชาย มาปราศรัย ท่านก็พูดไว้ชัดเจนพอสมควร เกี่ยวกับเรื่องการมีอิทธิพล อำนาจเงิน เข้ามานั่นเป็นเรื่องจริงในหลายๆจังหวัด ไม่ได้เฉพาะในจ.ตรัง อยากขอร้องให้ประชาชนตระหนักในอันตรายของเรื่องนี้ หากได้นักการเมืองที่เข้าไปได้ด้วยระบบเงิน ลงท้ายก็ต้องหาผลประโยชน์ การคอร์รัปชันทุจริตก็จะกระจายไปทั่ว จ.ตรังดีมาโดยตลอด เพราะนักการเมืองไม่โกง"
สำนักข่าวอิศรา : นายกฯชายระบุว่า เป็นกำนันคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง
นายชวน : “เรื่องอิทธิพล การข่มขู่ นายกฯชายก็บอกไว้ชัดแล้วว่า อย่าไปกลัว และผมก็เห็นด้วย อย่าไปกลัว เพราะว่าโดยทั่วไปแล้วจังหวัดนี้ จะมีนักเลง มีบ่อนการพนัน หรืออะไรก็ตาม ก็จะไม่มายุ่งกับการเมือง แต่ช่วงหลังเข้าใจว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไปบอกคนเหล่านั้น ซึ่งลำพังคนเหล่านั้นความอยู่รอด หากทำอะไรที่ผิดฎหมายความอยู่รอด ก็ต้องระวังอยู่แล้ว แล้ววันหนึ่งเมื่อมาทำการเมือง ก็มีศัตรูมากขึ้น แล้วศัตรูก็เป็นคนสุจริตด้วย ก็เป็นอันตรายกับเขาเอง ผมว่าเขาเองก็คงไม่อยากทำ ถ้ามีโอกาสเป็นไปได้ขอให้ระวัง”
“ความโชคดีของจ.ตรัง คือ ตำรวจของจังหวัดนี้ไม่ได้ซื้อตำแหน่งมา ทำให้เขาทำงานได้เต็มที่ไม่ต้องไปห่วงใย อย่างหลายจังหวัดที่ต้องเปิดบ่อนเพื่อหาเงินให้พรรคการเมืองหาเสียง ซึ่งแบบนี้เราต้องสาปแช่ง แล้วพี่น้องประชาชนเองต้องตระหนักว่าตราบใดที่การใช้อำนาจอิทธิพลมาเป็นเครื่องมือหาเสียง แล้วให้โอกาสจังหวัดนั้นเปิดทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เปิดบ่อนเพื่อหาเงินให้นักการเมืองหาเสียง เช่นนี้จะเป็นอันตรายมาก จะต้องพยายามขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป พี่น้องชาวจังหวัดตรัง และทุกจังหวัด ถ้าหากได้ยินสิ่งนี้ สิ่งที่เราแก้ไขได้ก็คือตัวประชาชนเองที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้”
จากคำสัมภาษณ์ของ “นายหัวชวน” ที่เปิดปากสะท้อนถึงบรรยากาศสนามแข่งขันปักษ์ใต้ โดยเฉพาะ “เมืองตรัง” บ้านเกิดตัวเองเป็นครั้งแรกนี้
สะท้อนได้ถึงความดุเดือด ในขณะเดียวกันก็ทิ้งเดิมพันอันไม่แน่นอนต่อปชป.อีกต่อไป
คอการเมืองติดตามอย่ากระพริบตา โค้งสุดท้ายเลือกตั้งนี้ ชื่อ “ชวน หลีกภัย” ได้ออกมาท่องคาถาร่ายมนต์สุจริตสู้แล้ว แต่ยังจะคงมนต์ขลังหรือไม่
หลังปี่กลอง ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ สิ้นสุดลง
มีคำตอบที่ชัดเจนรออยู่ ...