“...นิคม : มันต้องมีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เอาเงินของรัฐ เอาเงินของประกันสังคม เอาเงินของลูกจ้างที่ต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคม เพื่อใช้ในวันที่เขาจำเป็น ในวันที่เขาสุขภาพไม่ดี เข้าโรงพยาบาล หรือมีน้องต้องคลอดบุตร หรือในยามที่เขาตกงาน เขาต้องอาศัยเงินเหล่านี้จากประกันสังคม เพื่อที่กลับมาช่วยเขา แต่ท่านกลับนำเงินพวกนี้ไปให้พวกพ้องของท่าน ผมถามว่าท่านมีความซื่อสัตย์สุจริตไหม ใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ไหม.../ สุชาติ : เรื่องกองทุนประกันสังคม ผมไม่มีความเกี่ยวข้องการซื้อ ขายหุ้น การที่กองทุนประกันสังคมจะอนุมัติให้ใครล้วนผ่านการพิจารณาจากบอร์ด ที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 11 คน ในช่วงค่ำวันที่ 19 ก.ค.2565 ที่ผ่านมา นายนิคม บุญวิเศษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสในหลายประเด็น อาทิ การปล่อยปละละเลยให้มีการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาไทย การปล่อยลูกน้องเก็บค่าหัวคิวแรงงานไทยไปต่างประเทศ รวมไปถึงการไฟเขียวใช้เงินประกันสังคมเอื้อพวกพ้องและเอื้อธุรกิจตัวเอง ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น ลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงตอบโต้ทันที โดยยืนยันว่าการบริหารงานของตนเองมีความโปร่งใส
มีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
@ นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย
นายสุชาติ ชมกลิ่น ถือเป็นหนึ่งในนั่งร้านคนสำคัญของนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำตัวคอยชื่นชม ส่งเสริมพวกนิยมเผด็จการ เพื่อหวังตำแหน่งทางการเมือง สนแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่คำนึงถึงชีวิตประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารอันล้มเหลวของรัฐบาล จนสื่อพากันตั้งฉายาว่า 'สุชาติ ชมเก่ง'
แต่นายสุชาติ มีการปล่อยปละละเลยให้มีการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาไทย โดยไม่มีการผ่านศูนย์คัดกรองโควิด-19 บริเวณชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และจากนั้น ก็มีการพาแรงงานข้ามชาติเหล่านี้ไปทำงานตามบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนใช้แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย เงินไม่เข้าภาครัฐ และมีส่วนทำให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศ มีการปล่อยให้มีการเก็บส่วยแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะชาวเมียนมา จากการสัมภาษณ์พบว่า แรงงานเมียนมาต้องลักลอบเข้าไทย เพราะว่าไม่มีเงินจ่ายส่วยให้กับนายหน้า โดยที่เมียนมา ต้องจ่าย 2 หมื่นบาท และในไทย 1.5 หมื่นบาท
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังมีการบริหารที่ผิดพลาดปล่อยให้ลูกน้องเก็บหัวคิวแรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยมีสมาคมแห่งหนึ่งเก็บเงินแรงงานไทย ตกคนละ 3,200 บาท โดยระบุว่าจะเอาไปให้อธิบดีรายหนึ่ง จำนวน 3,000 บาท ขณะที่อีก 200 บาท เป็นค่าเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับออกเอกสารแบบ จต.3 ก. โดยแบบ จต.3 ก. คือแบบอนุญาตส่งคนไปทำงานต่างประเทศ กระทรวงแรงงานควรอำนวยความสะดวกให้แรงงานไทยให้ไปทำงานต่างประเทศ เพราะพวกเขาไปเอาเงินส่งกลับมาที่ประเทศไทย ไม่ควรจะต้องมีการตั้งค่าธรรมเนียม
"มีเก็บค่าหัวแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 3 พันบาทต่อคน คนที่เก็บ มีการอ้างว่า เก็บให้นาย ตนก็ไม่รู้ว่านายที่ว่าคือใคร มีหลักฐานการพูดคุยทางไลน์ และหลักฐานการโอนเงิน กระทรวงแรงงานแทนที่จะมีนโยบายส่งแรงงานไปต่างประเทศ ไม่ต้องไปเก็บเงิน เพราะแรงงานเหล่านี้ ก็ไปหางาน นำเงินเข้าประเทศ แม้ท่านจะไม่ได้เก็บเอง แต่ก็ปล่อยให้เขาทำ ช่วงที่เกิดวิกฤติคนตกงาน ควรช่วยเหลือให้เขาหางานทำง่ายๆ ไม่ใช่ไปเก็บเงิน จึงได้บอกว่า ท่านขาดความรู้ ความสามารถ ปล่อยปละละเลยให้มีการเก็บส่วย ถึงแม้ท่านไม่ได้เก็บเอง แต่ก็ปล่อยให้คนของท่านไปเก็บ ผมเชื่อว่า คนๆ นั้น มีความเกี่ยวข้องกับท่าน เมื่อไปดูในรายละเอียด"
"ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ประชาชนตกงานจำนวนมาก ทำให้ความต้องการไปทำงานต่างประเทศสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การสมัครไปทำงานต่างประเทศกับกรมจัดหางานกลับมีความเชื่องช้า ไม่ทันการณ์ ทำให้ประชาชนหันไปสมัครหางานกับเอกชน ซึ่งคิดค่าบริการในราคาแพง ซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชน จึงเป็นจุดที่นิคม มองว่า นายสุชาติ บกพร่องในการบริหารงานในฐานะ รมว.แรงงาน"
นายนิคม ยังระบุด้วยว่า นายสุชาติ อาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้เงินประกันสังคมเอื้อพวกพ้องตัวเอง นายสุชาติ ในฐานะ รมว.แรงงาน ให้บอร์ดประกันสังคม ซึ่งอยู่ใต้การกำกับของกระทรวงแรงงาน อนุมัติเงินประกันสังคมไปลงทุนบริษัทพลังงานของนายอักษรย่อ ‘สอภอ’ ซึ่งเป็นเพื่อนของตัวเอง เพื่อปั่นหุ้นบริษัท เมื่อหุ้นราคาสูงขึ้นคนที่ได้รับประโยชน์คือนายสอภอ หลักการลงทุนของประกันสังคมคือต้องลงทุนในลักษณะที่ไม่มีความเสี่ยง แต่สุชาติ กลับนำเงินไปให้เพื่อนของตัวเอง จนร่ำรวยขึ้นมา
นอกจากนี้ บริษัทลูกของนายสอภอ กลับมาซื้อหุ้น บมจ.อรินสิริแลนด์ ซึ่งมี นางวิมลจิต อรินทมะพงษ์ ภรรยาของนายสุชาติ เป็นกรรมการลงนาม เป็นผู้มีอำนาจ
ผลประกอบการของ บมจ.อรินสิริฯ พบการขาดทุนตั้งแต่ปี 2562-2564 จำนวนมาก ปี’62 ติดลบ 14 ล้านเศษ ปี’63 ติดลบ 37 ล้านเศษ และปี’64 ติดลบ 54 ล้านเศษ ปี’65 ไตรมาสที่ 1 หรือ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังติดลบอยู่ แต่ในขณะที่บริษัทติดลบ ทำไมหุ้นบริษัทถึงมีราคาสูงขึ้นมา
หากดูจากหุ้นของ บมจ.อรินสิริฯ หรือ ARIN พบว่า เมื่อปี 2565 ราคาหุ้นของบริษัทยังติดลบอยู่ เมื่อไตรมาสแรกของปี 2564 ราคาหุ้นติดลบ 30.51% แต่เมื่อสิ้นปี 2564 ราคาหุ้นของ ARIN กลับกระเตื้องขึ้นมาเป็น 72% และเมื่อ 31 มี.ค. 2565 หรือไตรมาสแรกปี 2565 ซึ่งเวลานั้นผลประกอบการของ ARIN ยังคงขาดทุน แต่หุ้นกลับขึ้นสูงถึง 138.98% และ 27 มิ.ย. 2565 ราคาหุ้นของ ARIN อยู่ที่ 480.51% และจากการเช็กราคาหุ้นวานนี้ (18 ก.ค.) ราคาของ ARIN อยู่ที่ 6.70 บาทต่อหุ้น จากราคาหุ้นไม่กี่สตางค์
“มันต้องมีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เอาเงินของรัฐ เอาเงินของประกันสังคม เอาเงินของลูกจ้างที่ต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคม เพื่อใช้ในวันที่เขาจำเป็น ในวันที่เขาสุขภาพไม่ดี เข้าโรงพยาบาล หรือมีน้องต้องคลอดบุตร หรือในยามที่เขาตกงาน เขาต้องอาศัยเงินเหล่านี้จากประกันสังคม เพื่อที่กลับมาช่วยเขา แต่ท่านกลับนำเงินพวกนี้ไปให้พวกพ้องของท่าน ผมถามว่าท่านมีความซื่อสัตย์สุจริตไหม ใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ไหม”
“ผมไม่เชื่อว่า บริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุน ราคาหุ้นจะขึ้นขนาดนี้ เอาเงินรัฐ เงินประกันสังคม เงินลูกจ้าง ที่เก็บไว้ในยามจำเป็น หรือยามเขาตกงาน ที่ต้องอาศัยเงินประกันสังคมมาช่วยพวกเขา แต่ท่านเอาเงินเหล่านี้ไปให้พวกพ้องท่าน อย่างนี้ ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เป็นการเอื้อต่อพวกพ้องหรือไม่ ผมไปคัดหนังสือจากกระทรวงพาณิชย์ เมื่อ12ก.ค. นส.วิมลจิต อรินทมะพงษ์ เป็นภรรยานายสุชาติ และยังมีอำนาจเต็มในบริษัทอรินสิริ นายสุชาติ จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ ขอเรียกร้องให้กลต.เข้ามาตรวจสอบ รัฐมนตรีกับพวกเข้าข่ายปั่นหุ้นนหรือไม่ โดยผมก็จะยื่นเรื่องให้ปปช.ตรวจสอบด้วย สวรรค์มีตา เรื่องนี้มีข้าราชการในกระทรวง เป็นคนส่งข้อมูลมาให้ จากที่อภิปราย จึงไม่ไว้วางใจนายสุชาติ ควรพิจารณาตัวเอง อย่าให้พวกเราต้องโหวตเลย”
กรณีนี้ จึงขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และมีแผนไปร้องเรียนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ให้มีการตรวจสอบ บมจ.อรินสิริแลนด์ต่อไป
***************
@ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
ยืนยันว่ากรณีเรื่องแรงงานต่างชาติ ที่ไม่มีการกักตัวเพราะเป็นคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แต่ในกรณีที่ผู้ว่าราชการฯ ไม่สบายใจ ต้องการกักตัวแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้ามาในไทย ก็ให้เป็นดุลยพินิจของผู้ว่าฯ
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของกรมจัดหางานต่อประเด็นการส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศมีด้วยกัน 2 ประเภท โดย 1) รัฐบาลเป็นคนจัดหาแรงงานส่งไปต่างประเทศ หรือระบบ G to G และ 2) คือเอกชนเป็นผู้จัดหาส่งไปเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายเป็นการตกลงระหว่างเอกชน และแรงงาน กระทรวงแรงงานอาจเข้าไปกำกับดูแลได้ทุกอย่างโดยเฉพาะราคาค่าใช้จ่าย เพราะเอกชนเป็นคนหาตลาดเอง
"ที่กล่าวหา มีการเอื้อบริษัทใหญ่ให้บริษัทแห่งหนึ่งในชลบุรี ได้ถามอธิบดีกรมจัดหางานว่า บริษัทดังกล่าว รับแรงงานต่างด้าวมา 182 คน ไม่มีการเก็บส่วย ไม่มีการเก็บหัวคิว และเรื่องการส่งแรงงานไปต่างประเทศ ก็เป็นไปตามระเบียบ การส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ที่แต่ละประเทศมีค่าใช้จ่าย รายละเอียดแตกต่างกัน"
สำหรับเรื่องธุรกิจของตนเองและครอบครัว นายสุชาติ ย้ำว่า "ผมมีความบริสุทธิ์ใจในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ธุรกิจของตนเองและครอบครัวซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำมานาน มีการเปิดเผยและแจ้งให้ป.ป.ช.รับทราบไม่กี่วันหลังเข้ารับตำแหน่ง"
เรื่องการใช้เงินประกันสังคมเอื้อพวกพ้องนั้น ยันยืนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเข้าไปรู้เห็นกับการซื้อ-ขายหุ้นของบอร์ดประกันสังคมตามที่มีกล่าวอ้าง ทุกอย่างบริหารงานด้วยความโปร่งใส และมีตัวแทนจากหลายภาคส่วน
"ก่อนมาเล่นการเมืองได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จริง ไม่ได้ค้าแป้ง เมื่อได้เป็นรัฐมนตรี ได้ชี้แจงทรัพย์สินตั้งแต่ 5 ส.ค. 63 ภายใน 8 วัน คือวันที่ 13 ส.ค. ชี้แจงก่อนเวลา ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลง ผมไม่ทราบ การจะอนุมัติเป็นเรื่องของบอร์ดกองทุนประกันสังคม"
"เรื่องกองทุนประกันสังคม ผมไม่มีความเกี่ยวข้องการซื้อ ขายหุ้น การที่กองทุนประกันสังคมจะอนุมัติให้ใครล้วนผ่านการพิจารณาจากบอร์ด ที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐต่างๆ กองทุนประกันสังคม ต้องลงทุนหาเงิน เพื่อให้ผู้ประกันตน 6-7หมื่นล้านบาท ผมไม่ใช่นักเล่นหุ้น เชื่อว่า คงไม่มีใครคิดทำอะไรผิดกฎหมาย ผมปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรีพ.ศ.2543 ตามมาตรา 4 ที่ให้รัฐมนตรีถือหุ้นได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์"
***************
อนึ่งสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ บมจ.อรินสิริแลนด์ และการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน สำนักข่าวอิศรา เคยนำเสนอข้อมูลเจาะลึกไว้แล้วก่อนหน้านี้บางส่วน
- ‘สุชาติ ชมกลิ่น-เมีย’โอนหุ้นธุรกิจอสังหาฯเกลี้ยงให้ บ.หลักทรัพย์ดูแล-ขอรับ ปย.เกิน 5%
- ฐานทุน-ธุรกิจอสังหาฯในชลบุรี‘สุชาติ ชมกลิ่น’ก่อนนั่งรัฐมนตรี ครม.บิ๊กตู่ 2/2