'ธีรัจชัย' ขอถอนตัวจากผู้รับผิดชอบ สอบ'สุชัชวีร์'แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. ปมทุริตต่อหน้าที่-ร่ำรวยผิดปกติ เพื่อความโปร่งใส จ่อสอบเพิ่มใช้บริษัทคนใกล้ชิดรับงาน ขณะนั่งตำแหน่งอธิการบดี สืบค้นข้อมูลเสียภาษี ตั้งข้อสังเกตพ่อแม่ยกที่ดิน-คอนโด-ตึกแถวมูลค่า 60 กว่าล้าน ทั้งที่ฐานะปานกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุม กมธ.ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (สจล.) ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ของพรรคประชาธิปัตย์ มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นจากเอกสารของผู้ร้องเรียน ปรากฏว่า มีข้อมูลการเข้ารับตำแหน่งอธิการบดี สจล. ของ นายสุชัชวีร์ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2558 จากนั้นยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2559 ปรากฏมีทรัพย์สินประมาณ 44 ล้านบาท
จากนั้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2563 ดำรงตำแหน่งอธิการบดีครบ 3 ปี นายสุชัชวีร์และภรรยา มีทรัพย์สินประมาณ 74 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 มีทรัพย์สินรวมกับภรรยาประมาณ 342 ล้านบาท ซึ่งในหนึ่งปีหลังนี้ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 267 ล้านบาท
จากข้อมูลพบว่า ยังมีประเด็นที่จะต้องตรวจสอบอีกหลายประเด็น ทั้งในเรื่องของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเป็นของภรรยาหรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบว่านายสุชัชวีร์แต่งงานเมื่อใด เบื้องต้นทราบว่า น่าจะประมาณปี 2561 นั้นหมายความว่า ปี 2563 จะมีทรัพย์สินของภรรยาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อวานนี้ ทาง กมธ.ป.ป.ช.ได้เชิญรักษาการอธิการบดี สจล. และรองอธิบดีกรมสรรพากรมาให้ข้อเท็จจริงแล้ว
อย่างไรก็ตาม การประชุม กมธ. ไม่ได้มีคนใดคนหนึ่งสอบข้อเท็จจริง แต่มี ส.ส.ทุกพรรคทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันดำเนินการ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. อยู่ร่วมประชุมด้วย
"เชื่อว่ากระบวนการมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับประเด็นหารือมีเรื่องหน้าที่ของอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้ามีอะไรบ้าง ทำงานเต็มเวลาหรือไม่ รับงานอย่างอื่นได้หรือไม่ มีรายได้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ และอธิบการบดีมีรายได้เท่าไร มีค่าตอบแทนอะไรบ้าง ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่สามารถไปทำงานอื่นได้ และไม่ได้เบี้ยประชุมในการประชุมอธิการบดี แต่หากไปประชุมที่อื่นจะได้รับเบี้ยประชุม" นายธีรัจชัย กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมา ระบุว่า เบี้ยประชุมและโบนัสนั้นได้รับในปี 2563 จำนวน 5.5 ล้านบาท อีกทั้งเงินเดือนประมาณ 1.4 ล้านบาท และในส่วนของค่าที่ปรึกษาวิชาชีพวิศวกรรม 3.5 ล้านบาท เมื่อเป็นอธิการบดีแล้วยังได้อยู่หรือไม่ ด้านรักษาการอธิการบดีที่เชิญมาตอบว่าไม่ได้ และขอกลับไปนำเอกสารมาชี้แจงภายใน 15 วัน
ส่วนระหว่างปี 2558-2564 ที่นายสุชัชวีร์ดำรงตำแหน่งมีการก่อสร้าง 5-6 โครงการใน สจล. ซึ่งมีข่าวระบุว่า มีบริษัทหนึ่งสงสัยว่าจะมีหุ้นส่วนที่เป็นคนใกล้ชิดของนายสุชัชวีร์ และนายสุชัชวีร์ อาจเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวด้วยนั้นมารับงานนี้หรือไม่ กมธ.จะเรียกมาตรวจสอบต่อไปว่าจริงหรือไม่
อีกทั้งในปี 2559-2560 ยังพบว่า สจล.ได้รับงานจากโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แต่ปรากฏว่าบริษัทเดิมก็เข้ามารับงานดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่โครงการที่ สจล.ทำงานให้กับ กทม.ก็มีหลายโครงการเช่นกัน
นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับกรมสรรพากรเรื่องการเสียภาษีนั้น ทราบว่า มีภาษีหลายตัวที่มีการเสียภาษีมาก บางอย่างก็ได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีจำนวนมาก รายได้ของปี 2563 จำนวนกว่า 18 ล้านบาท มีรายได้พึ่งประเมินประมาณ 12 ล้านบาท ทางกรมสรรพากรแจ้งว่า ช่วง 3 ปีหลัง นายสุชัชวีร์ ได้เสียภาษีประมาณ 1 ล้านกว่าบาท และ 9 แสนบาท ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบว่าการเสียภาษีนี้ชอบหรือไม่ และรายได้ที่ได้รับนั้นใช่หรือไม่
นายธีรัจชัย กล่าวย้ำว่า เราดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และไม่มีธงตั้งว่าจะให้มีความผิด แต่ที่ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และไม่ได้นำเรื่องนี้เข้ามาพิจารณานั้น ขอแจงว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รับเรื่องนี้มา และผู้ที่ร้องเรียนได้มาพูดคุยโดยตรง จากนั้นตนได้รับเรื่องนี้มาตรวจสอบต่ออย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมีข้อสังเกตว่า พรรคก้าวไกล ก็ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ด้วยเช่นกันนั้น
"ส่วนอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยหรือไม่นั้น ฉะนั้น ในสัปดาห์หน้าที่มีการประชุม กมธ. ผมจะเสนอขอให้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบโปร่งใสที่สุด ส่วนข้อร้องเรียนที่ระบุว่าบิดามารดาเป็นครูระดับวิทยาลัยเทคนิคอาชีวะ มีฐานะระดับปานกลาง สิ่งที่เราตรวจสอบได้คือมีการยกที่ดิน คอนโด และตึกแถวให้กับนายสุชัชวีร์ ประมาณ 60 กว่าล้านบาท ซึ่งก็ต้องตั้งข้อสังเกตต่อไป" นายธีรัจชัย กล่าว
ทั้งนี้ ประธาน กมธ.ไม่ได้เน้นย้ำว่าให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ให้ดำเนินการตรวจสอบไปตามปกติ ส่วนเรื่องนี้ควรจะให้กรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ ตนไม่ทราบ ควรไปถามประธาน กมธ. จะดีกว่า เพราะเป็นคนมอบหมายมา ซึ่งต้องตรวจสอบในมาตรฐานเดียวกันกับเรื่องอื่นๆ
ภาพจาก : ไทยโพสต์