ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'สุเทพ หรือชนัตร เลาหะวัฒนะ' อดีต ผอ.อ.อ.ป. ลดราคาไม้-เสียภาษีแทนผู้ซื้อโดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้โทษ ให้จำคุก 7 ปี จาก 10 ปี ชดใช้ค่าเสียหาย 20.2 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามเงื่อนเวลาจนกว่าชำระเสร็จ - ส่วนพวกอีก 2 ราย ยืนยกฟ้อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายสุเทพ หรือชนัตร เลาหะวัฒนะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) กับพวก ประกอบไปด้วย นายประเสริฐ ตรีริยะ และนายทรงพล อาทรธุระสุข ลดราคาไม้และเสียภาษีแทนผู้ซื้อโดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบ ป.อ.มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า นายสุเทพ หรือชนัตร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 8, 11 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 8 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90
ให้ลงโทษ จำคุก 7 ปี และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหาย 20,297,416.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลย ที่ 1 กระทำผิดวันที่ 29 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก้ผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลาง มีคำพิพากษาว่า นายสุเทพ หรือชนัตร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 8 และมาตรา 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 8 ซึ่งเป็นบทหนักตาม ป.อ.มาตรา 90 ลงโทษจำคุก 10 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 27,558,462.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด (วันที่ 29 ธันวาคม 2547) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 สิงหาคม 2562) ให้ไม่เกิน 32,830,799.55 บาท
ส่วน นายประเสริฐ ตรีริยะ จำเลยที่ 2 และนายทรงพล อาทรธุระสุข จำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง และยกคำร้องขอให้ จำเลย ที่ 2 และ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของผู้ร้อง ค่าฤชา ธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งเห็นควรให้เป็นพับ
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สำหรับจำเลยที่ 1
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
สำหรับ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 ระบุว่า ผู้ใดเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัดห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
มาตรา 11 ระบุว่า ผู้ใดเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ส. ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี