"...สองกรณีนี้มีเพื่อนผู้พิพากษาสอบถามมา ผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลอธิบายให้เขายอมรับได้ ผมก็รู้สึกอายเหมือนกันว่าสถาบันหน่วยงานศาลเรากำลังจะใกล้เข้าสู่เป็นเหมือนพวกนักการเมืองหรือข้าราชการบางหน่วย ผมเห็นว่าผมไม่ประสงค์ที่จะข้องเกี่ยวหรือว่ารับรู้กับกลุ่มงานกลุ่มนี้อีก ผมลาออกครับ..."
..................................
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : ภายหลังจากปรากฏข่าวว่า นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา รองประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) ได้ประกาศลาออกกลางที่ประชุม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา เพราะไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของ อ.ก.ต. เสียงข้างมาก ในการแต่งตั้งผู้พิพากษารายหนึ่ง ให้ เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา (หน.ฎีกา) ทั้งที่ถูกร้องเรียนว่ามีส่วนเข้าไปพัวพันกับการแทรกแซงกระบวนการต่อสู้คดีข้อพิพากษาที่ดินจำนวน 46 แปลง ระหว่างบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่งกับคู่กรณี ซึ่งมีคดีฟ้องร้องกันจำนวนหลายคดีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง จนกระทั่งบริษัทต้องยอมจ่ายเงินชดเชยจำนวน 400 ล้านบาท
(อ่านประกอบ : ปธ.อ.ก.ต.ลาออกกลางวงประชุม! ปมชงตั้ง‘หน.ฎีกา’ถูกกล่าวหาพันคดีรุกที่เรียกชดเชย 400 ล.)
ล่าสุด ไลน์กลุ่ม ‘สภาตุลาการ’ ที่กลุ่มผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมจัดตั้งขึ้นมา มีสมาชิกในไลน์กลุ่มกว่า 1 พันราย ได้มีผู้นำข้อความคำพูดสุดท้ายของ นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา รองประธานศาลฎีกา ก่อนประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) กลางที่ประชุม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 มาเผยแพร่
โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "เบื้องลึก เจาะลับ ประธานอนุ ก.ต. ลาออกจากตำแหน่ง"
มีเนื้อหาดังนี้
ประธาน ฯ : ผมอยากจะเรียนต่อที่ประชุมว่า ผมและผมเชื่อว่าทุกท่านคงเคยได้ฟังพระบรมราโชวาสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เปิดในวิทยุหรือโทรทัศน์ประจำว่าที่พระองค์ทรงตรัสว่า "ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงไม่ใช่เป็นการทำให้ทุกคนเป็นคนดี แต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือนร้อนวุ่นวายได้" นะครับ
คือ ขณะที่ผมมาทำหน้าที่ อ.ก.ต. ผมก็มีความเชื่อว่าคน 21 คนนี้ ที่เป็นผู้พิพากษาคงสามารถร่วมกันแสดงความคิดสร้างธรรมมาภิบาลให้เกิดแก่องค์กรศาลยุติธรรม
แต่เมื่อทำงานมาเจ็ดเดือนเศษ ผมพบว่าที่ผมคิดไว้มันไม่ใช่ไม่เป็นอย่างนั้น
คือในบางเรื่องบางสำนวน แม้คุณจะมีหลักฐานหรือคุณมีเหตุผลชัดแจ้งยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงธงที่ถือมาแพ๊กกันมาจากบ้านของบางคนได้นะครับ
หรือเช่นกรณีการประชุมเมื่อครั้งที่แล้วคือครั้งที่ 14 มีวาระการประชุมพิจารณาความเหมาะสมของผู้พิพากษาที่จะเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะ 2 ราย แต่ต่างชั้นกัน
รายแรกในชั้นศาลฎีกา รายที่สองในชั้นศาลอุทธรณ์
รายแรกถูกสอบข้อเท็จจริงในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าแทรกแชงคดีของผู้พิพากษาที่อยู่ในสังกัดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พักพวกกัน
แม้กรรมการสอบข้อเท็จจริงเสียงข้างมากจะเห็นว่าไม่มีมูลยุติเรื่อง แต่ความมัวหมองก็ยังมีอยู่มีติดตัวอยู่และผมก็แปลกใจว่าที่ประชุมมีมติรับรองด้วยเสียงท่วมทันเกือบจะเป็นเอกฉันท์ว่าสมควรขึ้นเป็นหัวหน้าคณะศาลฎีกาได้ ซึ่งเป็นระนาบเดียวกันกับประธานศาลอุทธรณ์ภาค
ส่วนรายที่สองเป็นเพียงถูกผู้บังคับบัญชารายงานว่าทำงานบกพรองคัดลอกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาใช้ แต่ไม่มีการสอบสวนไม่มีประวัติเรื่องทุจริตแต่ไม่ผ่านการพิจารณาไม่รับรองให้เป็นหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์
ซึ่งทั้งสองกรณีนี้มีเพื่อนผู้พิพากษาสอบถามมา ผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลอธิบายให้เขายอมรับได้ ผมก็รู้สึกอายเหมือนกันว่าสถาบันหน่วยงานศาลเรากำลังจะใกล้เข้าสู่เป็นเหมือนพวกนักการเมืองหรือข้าราชการบางหน่วย
ผมเห็นว่าผมไม่ประสงค์ที่จะข้องเกี่ยวหรือว่ารับรู้กับกลุ่มงานกลุ่มนี้อีก ผมลาออกครับ"
******************
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับพระบรมราโชวาท ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา รองประธานศาลฎีกา น้อมนำมาแจ้งต่ออนุ ก.ต. ที่เข้าประชุม ดังกล่าว
คือ พระบรมราโชวาท เรื่อง ในบ้านเมืองนั้น…มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ที่พระราชทานในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี วันที่ 11 ธันวาคม 2512
".. ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี
ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้.."
ขณะที่กรรมการอนุ ก.ต. รายหนึ่ง ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า การพิจารณาวินัย หรือโยกย้ายแต่งตั้ง ของอนุ ก.ต. ต้องใช้เสียงข้างมาก ซึ่งอนุฯ แต่ละคน ก็พิจารณาจากสำนวนต่าง ๆ สำหรับกรณีนี้ ผู้พิพากษารายนี้เคยถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่เสียงกรรมการสอบสวนข้างมาก ให้ยุติเรื่อง และประธานศาลฎีกาก็ไม่เคยตั้งกรรมการสอบสวนเป็นการเฉพาะด้วย ที่ประชุมพิจารณาแล้ว จึงมีมติ 18 ต่อ 3 ว่าให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะศาลฎีกาไปก่อน ส่วนจะได้รับแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ภาคหรือไม่ ก็จะต้องมาพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง
"หลังจากที่ นายประสิทธิ์ เจริญถาวรโภคา ประกาศลาออก อนุฯ ก.ต. ทุกคนงงมาก ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็พิจารณาตามข้อเท็จจริงจากสำนวนการสอบสวนเป็นหลัก" แหล่งข่าวระบุ
อ่านประกอบ :
นักธุรกิจใหญ่ร้องเรียน ก.ต. ผู้พิพากษาร่วม 'ก๊วนรุกที่’ แทรกแซงคดี เรียกค่าชดเชย 400 ล. (1)
ใช้อำนาจหน้าที่คบค้านักธุรกิจ! เปิดนส.ร้องปธ.ศาลฎีกา สอบผู้พิพากษาคดีเรียกค่าชดเชย 400 ล. (2)
ปธ.อ.ก.ต.ลาออกกลางวงประชุม! ปมชงตั้ง‘หน.ฎีกา’ถูกกล่าวหาพันคดีรุกที่เรียกชดเชย 400 ล. (3)
มีเงินโอนเข้าบัญชี 11 ล.-แม่ได้ด้วย! DSI ชง ป.ป.ช.สอบ ผู้พิพากษาคดีเรียกค่าชดเชย 400 ล. (4)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/