ภูเก็ตวาง 5 มาตรการสาธารณสุข จัดสมดุลระบบเศรษฐกิจ-สุขภาพควบคู่กัน รองรับ 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์' พื้นที่นำร่องเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล 1 ก.ค. นี้
........................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่วันที่ 26 มิ.ย. 2564 นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 ให้สัมภาษณ์ว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตได้เตรียมวางระบบเพื่อจัดทำภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ตามที่รัฐบาลกำหนด โดยได้กำหนดมาตรการสาธารณสุข 5 ด้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และผลกระทบต่อสุขภาพของคนภูเก็ต ให้เกิดความสมดุลสามารถขับเคลื่อนด้านสุขภาพและเศรษฐกิจควบคู่กันไป และเพื่อเป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามนโยบายรัฐบาล
มาตรการที่ 1 การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ให้กับประชาชนโดยรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้กับประชาชนชาวภูเก็ตที่มีอยู่ประมาณ 540,000 คน รวมถึงประชากรแฝง กลุ่มแรงงานที่อพยพเข้ามาทำงาน ทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย ขณะนี้ภูเก็ตได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ทั้งซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วประมาณร้อยละ 65 ของประชากร ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนจะฉีดได้ตามเป้าหมายคือร้อยละ 70 เป็นเป้าหมายเบื้องต้นก่อนเปิดเมือง มาตรการที่ 2 การคัดกรองผู้ที่มาจากต่างจังหวัดและพื้นที่เสี่ยงทั้งด่านอากาศ ด่านบก และด่านท่าเรือ โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งผู้เดินทางเข้า จ.ภูเก็ต จะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มหรือมีผลตรวจคัดกรองโควิด 19 ในเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศหรือขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อป้องกันการเล็ดลอดของเชื้อเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต และมาตรการที่ 3 การเฝ้าระวังเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงและชุมชนเสี่ยง โดยเฉพาะชุมชนที่มีผู้ได้รับวัคซีนน้อยกว่าเกณฑ์ เช่น ในโรงเรียน จ.ภูเก็ต มีโรงเรียนจำนวน 12 โรง มีขนาดตั้งแต่ 500 ถึง 2,000 กว่าคน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้คัดกรองในระบบ Sentinel Surveillance สุ่มตรวจต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
สำหรับในโรงงานอุตสาหกรรมได้ฉีดวัคซีนให้กับพนักงานป้องกันการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ มาตรการที่ 4 มีความพร้อมด้านห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนตามเงื่อนไขหรือมีผลตรวจเชื้อโควิด 19 เป็นเวลา 72 ชั่วโมง ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วยังคงต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีก 3 ครั้ง คือวันแรกที่เดินทางมาถึง วันที่ 3 - 5 และวันที่ 13-14 ห้องปฏิบัติการสามารถตรวจหาเชื้อได้ประมาณวันละ 1,500 ตัวอย่าง และจะประสานกับเอกชนเพิ่มปริมาณตรวจหาเชื้อ สามารถตรวจได้ถึงวันละ 3,000 คน
นอกจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะช่วยสนับสนุนในด้านเทคนิคในการตรวจหาเชื้อกลายพันธุ์ ได้ภายใน 24 ชั่วโมงมาตรการที่ 5 ด้านการรักษาพยาบาล เตรียมเตียงและห้อง ICU รองรับผู้ป่วยประสิทธิภาพสูงเทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่จำนวน 24 เตียง และ Cohort ICU เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการได้มากกว่า 4,000 ราย และมีความพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามได้ภายใน 48 ชั่วโมง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage