องค์กรผู้บริโภคเตือน อย. ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ‘ปลดล็อคกัญชา’ ในอาหาร คำนึงถึงการคุ้มครองประชาชน กำกับดูแลร้านอาหาร-เครื่องดื่ม แจ้งข้อมูล-คำเตือน กำหนดอายุผู้ซื้อ ชี้มีบทลงโทษถ้าไม่ดำเนินการ
...........................................
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อคส่วนของพืชกัญชา-กัญชงประกอบด้วย เปลือก ลำต้นเส้นใย กิ่งก้าน รากและใบ ไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วยให้พ้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่ยังไม่มีการแก้ไขประกาศที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในอาหารเพราะมีเสียงแย้งจากนักวิชาการเรื่องข้อมูลความปลอดภัยในการบริโภคเป็นอาหารยังมีไม่มากพอนั้น
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2564 น.ส.มลฤดี โพธิ์อิน นักวิชาการด้านอาหาร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการด้านอาหาร ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน ได้มีการประชุมในประเด็นนี้ และมีความเห็นว่า อย.และคณะกรรมการอาหารต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยในการใช้เปลือก ลำต้น กิ่งก้าน และราก และการใช้ส่วนต่างๆเหล่านี้เป็นอาหารทั้งในและต่างประเทศ มีเพียงข้อมูลการใช้ใบในการประกอบอาหารหรือใช้ในลักษณะเครื่องเทศเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงมีความเสี่ยงในการควบคุมปริมาณที่ใช้ จนผู้บริโภคที่มีอาการแพ้หรือกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางอาจได้รับสารต่างๆในกัญชาในปริมาณที่เป็นอันตรายอย่างไม่รู้ตัว
“สาร THC และ CBD ที่อยู่ในใบละลายได้ดีในอาหารที่มีไขมันเป็นองค์ประกอบและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่สนระบบทางเดินอาหารได้ดี จึงมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคค่อนข้างสูง อาจเกิดผลข้างเคียงจากการบริโภค โดยเฉพาะ หญิงมีครรค์ หญิงให้นมบุตร ทารก เด็กเล็ก อาจได้รับสารนี้จากการบริโภคทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ดังที่เกิดเหตุการณ์ในออสเตรเลียเมื่อเร็วๆนี้ คุณแม่ลูกสองซื้อบราวนี่กลับไปทานที่บ้าน ลูกสาวสาววัย 5 ขวบที่รับประทานเข้าไปเกิดอาการพร่ามัว หวาดระแวง และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่คุณแม่มีอาการผ่อนคลายแบบแปลกๆ ก่อนจะเกิดอาการมึนๆแล้วหลับไป โดยที่ทางร้านใช้เนยกัญชาในการทำขนมที่อ้างว่าไว้รับประทานเอง แต่อาจปะปนไปกับสิ่งที่ขายโดยไม่ตั้งใจ” น.ส.มลฤดี กล่าว
นักวิชาการด้านอาหาร มูลนิธิผู้บริโภค กล่าวอีกว่า แม้แต่ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย.เอง ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ใบกัญชามีสารอื่น ๆ เช่น สารเทอร์พีน (Terpene) ที่มีผลต่อความไวในการตอบสนองของคนต่างกัน ควรใส่ในปริมาณไม่มาก และต้องหลีกเลี่ยงสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น คนที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคหัวใจ
“คำถามคือ ในกรณีของร้านอาหารและเครื่องดื่ม การให้ข้อมูลผู้บริโภคจะเป็นในรูปแบบใด มีความชัดเจนเพียงพอให้ผู้บริโภคได้รับทราบถึงผลข้างเคียงและความเสี่ยงหรือไม่ คำเตือนผู้บริโภคจะแสดงตรงไหนอย่างไรให้เห็นชัดเจน การกำหนดอายุผู้บริโภค ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ จะควบคุมอย่างไร เรื่องเหล่านี้ต้องกำกับดูแลและมีบทลงโทษร้านค้าที่ไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งคณะกรรมการอาหาร และ อย.ต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่เพียงสนองตอบนโยบาย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและละทิ้งหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะเป็นสิทธิผู้บริโภคขั้นพื้นฐานที่จะต้องได้รับความปลอดภัย มีข้อมูลที่เพียงพอ เพื่อใช้ในการตัดสินใจบริโภคหรือไม่บริโภค ไม่ได้มีความจำเป็นต้องบริโภคทุกวัน" น.ส.มลฤดี กล่าว
น.ส.มลฤดี กล่าวด้วยว่า ขณะที่ ยังไม่มีการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 378 พ.ศ.2559 เรื่องการกำหนดพืชสัตว์หรือส่วนของพืชหรือสัตว์ที่ห้ามใช้ในอาหาร ที่กำหนดให้ทั้งต้นของกัญชาหรือกัญชงห้ามใช้ในอาหาร อย.ยังต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้น อย.จะเข้าข่ายผิด ม.157 ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
ขณะที่ ภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร ผู้อำนวยการวิทยาลัยคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อย. ที่กำลังจะพิจารณาเรื่องปลดล็อคกัญชาในอาหารต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงหลักพิจารณาดังนี้ 1.การให้ใช้มีความจำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วมอย่างไร ทั้งนี้ การให้ใช้เป็นอาหารคือการส่งสัญญาณสนับสนุนให้เกิดการบริโภคจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ 2.ฝ่ายที่เสนอให้ปลดล็อคการใช้กัญชาในอาหารโดยไม่ต้องควบคุมต้องเสนอหลักฐานในทุกประเด็น โดยเฉพาะความปลอดภัย รวมทั้งข้อจำกัดต่างๆ และนำเสนอแนวทางป้องกันปัญหาที่มีหลักประกันได้ เพราะคนกินอาหารไม่ได้มีจำกัดเหมือนกินยา และกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง เช่น คนที่มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคหัวใจ จะหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร 3.หากพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีความปลอดภัยอย่างแน่นอน อย. จำเป็นต้องใช้หลัก Precautionary Principle คือไม่เสี่ยงโดยไม่จำเป็นและยังมีทางเลือกอื่น
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/