ในการกล่าวปราศรัย การพูดในวิดีโอ และในทวิต ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับผลเลือกตั้งในสหรัฐฯ และยุยงผู้สนับสนุนของเขา จนเกิดการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ต่อกรณีนี้ บ๊อบ กู๊ดเฟลโลว รักษาการผู้อำนวยการบริหาร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐฯ แถลงดังนี้
.................................
“การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสงบ ทำให้เกิดภาวะเสี่ยงภัยต่อสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยของประชาชน และหลักนิติธรรมในสหรัฐฯ การยอมรับความเห็นของกลุ่มขาวสุดโต่งและกลุ่มสุดโต่งอื่น ๆ ของประธานาธิบดี ยิ่งช่วยกระพือไฟแห่งความโกลาหลและความรุนแรง ดังที่เราเห็นกันในวันนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทุกคนต้องเคารพ คุ้มครอง และปฏิบัติให้เป็นผลซึ่งสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสิทธิที่จะปลอดจากความรุนแรง การข่มขู่ และการเหยียดผิว
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งทำงานให้เกิดโลกที่ผู้มีอำนาจทุกคนเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน และต้องรับผิดหากไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ในระดับโลก เราได้ประจักษ์ถึงความเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จเสียเอง และยุยงให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองและการเหยียดผิว เพื่อรักษาอำนาจของตนเองเอาไว้ คนทั้งโลกจับตามองอยู่ เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนและสมาชิกของเรากว่า 10 ล้านคน
“เป็นจุดที่คนในสหรัฐฯ ต้องใคร่ครวญสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ยุยงให้ผู้สนับสนุนของเขาก่อความรุนแรงและความวุ่นวายมาตลอด มันไม่ใช่การทำหน้าที่ของผู้นำ แต่เป็นของผู้ยุยงปลุกปั่น เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนต้องประณามคำพูดของประธานาธิบดี”