องค์กรภาคปชช. จี้รัฐลดค่าไฟฟ้า 1 พันบาทเเรก ให้ผู้ใช้ทุกคน -50% ช่วง 1,000-3,000 บ. -30% ตั้งเเต่ 3,000 บ.ขึ้นไป ชี้ลดแค่ 3% ไม่ช่วยอะไร 'สารี' เสนอหยุดคิดอัตราก้าวหน้าในช่วงโควิด-19
จากการที่ รัฐบาลได้ออกนโยบาย ‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ โดยให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 (COVID-19) จึงมีประชาชนบางส่วนที่ทำงานจากที่บ้าน (work from home) ทำให้ค่าไฟฟ้าในเดือนที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น จนมีประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องรัฐให้จัดการปัญหาค่าไฟแพง นั้น
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงจัดเเถลงข่าวในประเด็น ‘ค่าไฟฟ้าแพง’ ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ โดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ในช่วง 2 -3 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีค่าไฟฟ้าแพงเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยบางรายค่าไฟแพงขึ้นจากปกติประมาณ 2-3 เท่า จึงตัดสินใจเฟซบุ๊กไลฟ์ร่วมกันน.ส.บุญยืน ศิริธรรม และคุณรสนา โตสิตระกูล เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหา ร่วมกับแนวทางในการลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน เพื่อเสนอแนวทางในการลดค่าไฟฟ้าไปยังรัฐบาล
“รัฐบาลควรยุติการเรียกเก็บเงินค่าบริการจำนวน 38.22 บาท (ค่าบริการ 38.22 บาท คืออะไร? อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ https://today.line.me/th/pc/article/ค่าบริการ+38+22+บาท+โผล่บิลค่าไฟ+คืออะไร-WnvBlE) รวมถึงการคิดค่าไฟฟ้าแบบอัตราก้าวหน้าในช่วงนี้ เนื่องจากในภาวะที่ทุกคนต้องอยู่ที่บ้าน ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และเสนอให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) คิดค่าไฟกับประชาชนในราคาที่เท่ากับที่ซื้อมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เเละการไฟฟ้าฝ่ายผลิตควรลดราคาให้กับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย” เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าว
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า แนวทางที่อยากเสนอให้รัฐบาลดำเนินการ คือ ลดค่าไฟฟ้า 1,000 บาทแรกให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟทุกคน ลดค่าไฟฟ้า ร้อยละ 50 กับผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป – 3,000 บาท และลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 กับผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วง 3,000 บาท ขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้านตามนโยบายรัฐบาลในการจัดการกับเชื้อโควิด-19 ซึ่งประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีรายได้ เนื่องจากการหยุดงาน และหลายส่วนยังอยู่ระหว่างรอการเยียวยาด้วยมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
ขณะที่ น.ส.บุญยืน ศิริธรรมนายกสมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กล่าวว่า นโยบายของรัฐที่ลดค่าไฟฟ้าให้กับครัวเรือนร้อยละ 3 เป็นเวลา 3 เดือน ไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง เพราะค่าไฟที่ลดลงนั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าไฟฟ้าที่แต่ละครัวเรือนต้องจ่าย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการของรัฐที่ให้ประชาชนอยู่บ้าน ดังนั้นจึงสนับสนุนข้อเสนอของคุณรสนา
นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ทั้งการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ล้วนเป็นกิจการของรัฐที่ไม่ได้แปรรูปกลายเป็นบริษัทมหาชนดังเช่น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ดังนั้นหากเกิดการขาดทุนจากการลดค่าไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน จะเป็นเพียงการขาดทุนกำไร รัฐจึงควรต้องแสดงความจริงใจในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประคับประคองให้ผ่านภาวะวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ได้มีข้อเสนอไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาล 5 ข้อ ดังนี้
1) ขอให้ลดค่าไฟ โดยแบ่งเป็น 3 กรณีย่อยๆ คือ
- ลดอย่างเป็นธรรมถ้วนหน้า รายละ 1000 บาท
- ลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 50 ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟในช่วง 1,001 – 3,000 บาท
- ลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป
2) ขอให้ค่าบริหารจัดการเป็น 0 (ยกเลิกการคิดค่าบริการ 38.22 บาท) อย่าผลักภาระส่วนนี้ให้ประชาชนแบกรับ
3) ให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาเท่ากับที่รัฐรับซื้อไฟจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต รวมทั้งเจรจาให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตลดค่าไฟที่ขายให้แก่รัฐ เพื่อให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าลดลง
4) มีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เอง เช่น ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยทำให้การขออนุญาตในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เสนอให้ใช้นโยบาย net metering โดยคิดค่าไฟแบบหักลบกลบหน่วยอัตโนมัติระหว่างไฟฟ้าที่ผลิตได้เองและไฟฟ้าที่ประชาชนใช้จากการไฟฟ้า รวมทั้งเดินหน้านโยบายให้การไฟฟ้าติดตั้งโซล่าร์เซลล์ให้ 1 ล้านครัวเรือน
5) แก้ไขโครงสร้างต่าง ๆ ที่ไม่เป็นธรรม เช่น การผูกขาดราคาแก๊ส การประกันราคาค่าไฟฟ้าที่เอกชนผลิตให้รัฐ (take or pay)
อ่านประกอบ:ชง ครม.ลดค่าไฟ 30-50-100% ตั้งแต่ มี.ค.-พ.ค. เฉพาะส่วนที่ใช้สูงกว่า ก.พ.