ครม.เคาะสรรหารายชื่อ 4 กก.ป.ป.ท. แทนตำแหน่งที่ว่างลง ‘ประยงค์’ อดีตเลขาฯลูกหม้อ ‘ศิรินทร์ยา’ เลขาฯ ป.ป.ส. ‘ประสาท’ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ‘พิทยา’ ผู้พิพากษาศาลฎีกา มาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2563 คณะรัฐมนตรีมีติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจำนวน 4 คน เป็นบุคคลที่คณะรัฐมนตรีสรรหาและเสนอรายชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการคัดเลือก ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ ดังนี้
1. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.
2. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
3. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย อดีตกรรมการ ป.ป.ช.
4. นายพิทยา บุญชู ผู้พิพากษาศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตาม พ.ร.บ.ป.ป.ท. พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5/1 กำหนดว่า เมื่อมีกรณีที่ต้องสรรหาและคัดเลือกกรรมการให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ในการสรรหากรรมการให้คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) สรรหาและเสนอรายชื่อบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 6 และมาตรา 7 (4) องค์กรละ 5 คน (รวม 15 คน) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีเหตุทำให้ต้องมีการสรรหาและคัดเลือกกรรมการ เพื่อต่อคณะกรรมการคัดเลือก สำหรับกรณีที่เป็นการสรรหาเพื่อแต่งตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้องค์กรดังกล่าวแต่ละองค์กรเสนอรายชื่อเท่าจำนวนกรรมการที่ว่างลง
(2) ให้มีคณะกรรมการคัดเลือก ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นกรรมการคัดเลือก โดยให้เลือกกันเองเป็นประธานกรรมการคัดเลือกคนหนึ่ง ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งใด หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ผู้ทำการแทน ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้น ทำหน้าที่กรรมการคัดเลือกแทน
(3) ให้คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการจากรายชื่อบุคคลตาม (1) ให้ได้จำนวนตามที่ต้องการจะแต่งตั้ง
(4) กรณีที่คณะกรรมการคัดเลือก คัดเลือกบุคคลได้ไม่ครบจำนวนตาม (3) ให้แจ้งองค์กรตาม (1) แต่ละองค์กรเสนอรายชื่อบุคคลใหม่เป็นจำนวนเท่ากับจำนวนกรรมการที่ยังขาดอยู่ภายใน 30 วันนับแต่วันที่การคัดเลือกบุคคลได้ไม่ครบจำนวนดังกล่าว และให้คณะกรรมการคัดเลือก ดำเนินการคัดเลือกเพิ่มเติมตาม (3) เป็นกรรมการเพิ่มเติมจากที่มีการคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการไว้แล้ว
(5) เมื่อได้มีการคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการครบจำนวนแล้ว ให้ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการประชุมเลือกกันเอง เพื่อเป็นประธานกรรมการคนหนึ่ง และให้คณะกรรมการคัดเลือกแจ้งรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นประธานกรรมการ และกรรมการพร้อมเอกสารหลักฐานตามมาตรา 7 วรรคสอง รวมทั้งความยินยอมของบุคคลดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการตาม (3) และ (4) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการคัดเลือกกำหนด
อ่าน พ.ร.บ.ป.ป.ท. พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม : http://www.pacc.go.th/pacc_2015/uploads/files/law/law59/5909_law_th_en.pdf
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/