
สธ.คิกออฟ บังคับแรงงานต่างด้าวซื้อประกันสุขภาพ ลดภาระรัฐ เริ่ม 4 จังหวัดนำร่อง พร้อมใช้ไบโอเมตริกซ์ ยันตัวตน ก่อนขยายทั่วประเทศใน ม.ค. 2569
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2568 นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเปิดกิจกรรม Kick Off และเยี่ยมชมศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และศูนย์เรียนรู้สาธารณสุขชายแดน ว่า นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายเร่งรัดให้แรงงานต่างด้าวซื้อประกันสุขภาพ เพื่อลดภาระค่ารักษาพยาบาลของประเทศ ป้องกันและควบคุมโรคระบาดอย่างเป็นระบบ ถือเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข
นายวรโชติ กล่าวว่า โดยระยะแรกได้จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service - OSS) นำร่องใน 4 จังหวัดชายแดนที่มีศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงาน ทำให้สามารถตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพได้ในจุดเดียวอย่างครบวงจร
นอกจากนี้ จะพัฒนาระบบ FDH–Migrant Platform เป็นระบบกลางเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิและบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย (HINT) สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ออกใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ และซื้อประกันสุขภาพภาครัฐแบบออนไลน์ มีการ เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยบริการต้นทางและปลายทาง สามารถยืนยันตัวตนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใสและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพิ่มความปลอดภัยในการให้การรักษาพยาบาลและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพ
"วันนี้เป็นการ Kick Off ที่จะดำเนินการตามนโยบายเร่งรัดให้แรงงานต่างด้าวซื้อประกันสุขภาพ ลดภาระประเทศ ซึ่งในเฟส 1 จะเริ่มจาก 4 จังหวัดนำร่องดังกล่าว และมีแผนขยายบริการในเฟสที่ 2 เพิ่มเป็น 10 จังหวัด ก่อนจะต่อยอดไปสู่การให้บริการเต็มรูปแบบทั่วประเทศในเฟสที่ 3 ภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อให้แรงงานต่างด้าวในประเทศไทย สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ได้รับการตรวจสุขภาพและมีหลักประกันสุขภาพเมื่อเจ็บป่วย ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศและควบคุมป้องกันโรคตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายวรโชติกล่าว
ทางด้าน นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวกว่า 5.3 ล้านคน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ยังมีอีกกว่าหนึ่งล้านคนที่ยังไม่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทั้งต่อการแพร่ระบาดของโรค และภาระค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาลภาครัฐ
"การยืนยันตัวตนแรงงานต่างด้าวจึงเป็นกลไกสำคัญในการจัดการข้อมูลให้ถูกต้อง ป้องกันการสวมสิทธิ์หรือปลอมแปลงบุคคล ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ หากไม่มีระบบยืนยันตัวตนที่เข้มแข็ง อาจเกิดการใช้สิทธิ์โดยมิชอบหรือหลีกเลี่ยงการตรวจโรค ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยทางสาธารณสุขโดยรวม" นพ.มณเฑียร ระบุ
นพ.มณเฑียร กล่าวว่า กรมควบคุมโรคยกระดับและขยายความครอบคลุมด้านข้อมูลเพื่อการควบคุมโรค ด้วยการบูรณาการจาก 3 แหล่ง คือ การรายงานตรงจากอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) การคัดกรองเชิงรุกในชุมชน และระบบรายงานโรคของสถานพยาบาล (DDS/HDC) โดยใช้ประโยชน์จากระบบไบโอเมตริกซ์ TRCBAS (Thai Red Cross Biometric Authentication System) ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคลร่วมกับสภากาชาดไทย มาใช้เป็นเครื่องมือมาตรฐานในการยืนยันตัวบุคลที่แม่นยำ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพเข้าสู่ฐานข้อมูลและ Disease Control Data Hub ทำให้การเฝ้าระวังโรคเป็นแบบเรียลไทม์และลดปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อน เพิ่มความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการดูแลแรงงานต่างด้าวอย่างยั่งยืน
นพ.มณเฑียร กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ที่มุ่งให้แรงงานต่างด้าวทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพ มีหลักประกันสุขภาพ และมีข้อมูลบุคคลที่ถูกต้องในระบบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านโรคติดต่อ ลดภาระงบประมาณจากค่ารักษาที่เรียกเก็บไม่ได้ และยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศโดยรวม
“การยืนยันตัวตนแรงงานต่างด้าวด้วยระบบไบโอเมตริกซ์ไม่เพียงช่วยป้องกันการสวมสิทธิ์ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบสุขภาพที่ปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นพ.มณเฑียร กล่าวทิ้งท้าย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา