
‘หมอมิ้ง’ ไม่ตอบ ‘วิษณุ’ เป็นกุนซือช่วยทำคำชี้แจงศาลรธน.หรือไม่ ขอเอาข้อเท็จจริงมาคุยกันก่อน ย้ำเจตนา ‘แพทองธาร’ ต้องการทำเพื่อชาติ พร้อมไปยืนยันข้อเท็จจริงให้ด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะขยายระยะเวลาส่งคำชี้แจงต่อศาลออกไปอีก 15 วัน กรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีถูกประธานวุฒิสภา (สว.) ขอให้ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 18/2568) ปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้อง) กับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา โดยให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนั้น
ล่าสุด นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ หากไม่สามารถชี้แจงได้ทัน ก็อาจจะขอยืดระยะเวลาออกไป ส่วนได้ขอให้นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยดูคดีนี้หรือไม่ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ข้อเท็จจริงต้องมาก่อน ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายทุกคนหากมีข้อคิดเห็นและข้อแนะนำดีๆ ก็พร้อมรับฟังทั้งหมด
เมื่อถามว่า ทีมกฎหมายมีกี่ชุด นพ.พรหมินทร์ ระบุว่า มีทีมกฎหมายของนายกรัฐมนตรีจะมาจากทางไหนก็แล้วแต่
เมื่อถามอีกว่า จะใช้อะไรในการชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ความเป็นจริงมีเจตนาที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งคิดว่าต้องสื่อสารกันให้ชัดเจน แม้กระทั่งกระบวนการที่ทำผ่านมา เพราะเราถูกเขาใช้ประโยชน์จากวิธีการต่างๆที่ไม่เหมาะสม เช่น เอาคลิปพูดคุยส่วนตัวมาเปิดเผย แต่หากฟังในเนื้อหาก็จะเห็นเจตนาทั้งหมดในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ด้วยวิธีการที่เราสื่อสารกับคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล ตนว่าหลักการนี้ชัดเจน
เมื่อถามต่อว่าเจตนาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีเนชั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะสามารถนำไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ ยืนยันว่า อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งวันนั้นนายกรัฐมนตรีถูกติดต่อมา แล้วถูกเลื่อนนัดมา 2 -3 ครั้ง และนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่สบายใจ จึงได้เชิญ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น เข้าไปด้วย เพื่อรอนายเคลียง ฮวด ผู้ประสานและล่ามแปลภาษาของฝั่งกัมพูชา โดยนายเคลียง ฮวด อ้างว่าต้องหารือกับ สมเด็จฮุนเซนก่อน แต่กลับมีการถ่ายภาพของสมเด็จฮุนเซนนอนส่งกลับมา ซึ่งทางเราขอให้ปลุกเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ แต่เขากลับไม่ทำตาม ขณะเดียวกันข้อสำคัญคือสมเด็จฮุนเซนไม่ได้เป็นผู้แทนของรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าการเจรจาระหว่างสมเด็จฮุนเซน ไม่ใช่การเจรจาระหว่างรัฐบาลสามารถหยิบยกขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาลได้ใช่หรือไม่ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราต้องเล่าในเรื่องข้อเท็จจริงแล้วจะเห็นเจตนา เพราะนายกรัฐมนตรีเน้นการคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แม้จะมีการต่อสายนอกเวลาแต่ไม่มีการรับปากอะไร เพียงบอกว่าจะไปหารือแล้วจะกลับมาคุยเท่านั้น แต่เขากลับเอาเรื่องนี้มาเผยแพร่ระหว่างที่เราประชุมอยู่ที่บ้านพิษณุโลก
เมื่อถามว่า ทั้งสามคนจะเป็นพยานให้นายกรัฐมนตรีในชั้นศาลใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่าหากมีความจำเป็นที่ต้องยืนยัน เรามีหลักฐานครบ มีพยานที่จะยืนยันเจตนา และหารือใกล้ชิดกับกองทัพอยู่มาโดยตลอด ไม่ได้ มีอะไรอย่างที่เขากล่าวหา

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา