
‘สภาผู้บริโภค’ ยื่นหนังสือถึง ‘นายกฯ’ ขอสั่งการ ‘ดีอี’ ประสาน ‘กสทช.’ รับ 4 ข้อเสนอ ป้องกันผลกระทบ ‘ผู้บริโภค’ ก่อนเปิดประมูลคลื่นมือถือ
.........................................
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. สภาองค์กรของผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยขอให้นายกฯ สั่งการไปกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประสานงานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภค รวมถึงการปรับแนวทางการจัดสรรคลื่นความถี่ให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค
น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า การประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช. ซึ่งครอบคลุมถึง 4 ย่านหลัก ได้แก่ 850 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz เฉพาะที่จะสิ้นสุดปี 2568 ของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ 2300 MHz นั้น หากไม่มีแนวทางรองรับที่เหมาะสม อาจกระทบต่อความมั่นคงของระบบสื่อสาร โดยเฉพาะภารกิจด้านบริการสาธารณะ
“การนำคลื่นของ NT เข้าประมูล โดยไม่มีการเว้นไว้สำหรับการใช้งานในภารกิจของรัฐหรือการให้บริการสาธารณะ อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางสื่อสารในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะต่อกลุ่มเปราะบาง และประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ยังพึ่งพาโครงข่ายของ NT อยู่” น.ส.สุภิญญา กล่าว
น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า สภาผู้บริโภค มีความความกังวลว่า การเปิดประมูลคลื่นฯพร้อมกันหลายย่าน อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่สมดุลในตลาดโทรคมนาคม เนื่องจากปัจจุบันเหลือผู้ให้บริการหลักเพียง 2 ราย และอาจเป็นการเปิดช่องให้เกิดการผูกขาดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างแนวทางที่เป็นธรรม สภาผู้บริโภคเสนอให้นายกฯสั่งการไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งประสานกับ กสทช. ดำเนินการใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
1.ให้กำหนดเพดานราคาค่าบริการสูงสุดโดยพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของการให้บริการ รวมทั้งเงื่อนไขการให้บริการของผู้ให้บริการโครงข่ายเสมือน หรือ MVNO ให้เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในการแข่งขันประมูล
2.ให้กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในการอนุญาตให้บริษัท NT, ผู้ให้บริการ MVNO หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง สามารถร่วมใช้ประโยชน์ในคลื่นความถี่ที่ได้รับอนุญาตไปแล้ว ในอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม พร้อมกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่แน่นอน และบทลงโทษในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไข
3.ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนผู้บริโภค กสทช. บริษัท NT ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการ MVNO เพื่อจัดทำแผนรองรับผลกระทบต่อผู้บริโภคจากกรณีการหมดสัญญาของบริษัท NT
4.ขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหาแนวทางสนับสนุนให้บริษัท NT สามารถใช้งานคลื่นความถี่ของ กสทช. ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งใช้เป็นช่องทางในการแจ้งเตือนภัยจากเหตุการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติต่างๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้บริโภค
“สภาผู้บริโภค เห็นว่ามีความจำเป็นในการปรับหลักเกณฑ์การประมูลให้เอื้อต่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาด และมีกลไกควบคุมคุณภาพบริการหลังการประมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม และไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากตลาดที่ขาดความหลากหลาย” น.ส.สุภิญญา กล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา