ณฐพร โตประยูร บุก สภาทนายความ ยื่นหนังสือถึง วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ รับ ‘คดีฮั้วเลือกสว.’ เป็นคดีพิเศษ วิเชียร เผยช่องกฎหมาย พ.ร.บ.คดีพิเศษ มาตรา 21 อนุสอง รับเป็นคดีพิเศษ ลั่น “ไม่มีใครมากดดันผมได้ ผมทำอะไรตรงไปตรงมา”
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สภาทนายความ นายณฐพร โตประยูร นายวิเชียร รุจิธำรงกุล นายสุริชัย ชินชัย อดีตสว. และคณะ ได้เดินทางมายื่นหนังสือ เรื่อง การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 ต่อนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในฐานะกรรมการคดีพิเศษ (กพค.) เพื่อขอให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดย กพค. มีนัดประชุมในกรณีดังกล่าวในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม
นายณฐพรกล่าวว่า ประเด็นการรับรองคุณสมบัติของผู้สมัคร สว. เช่น การให้บุคคลรับรองอาชีพทนายความ 20 ปี ต้องส่งให้สภาทนายความเป็นหน่วยงานรับรอง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปออกหนังสือรับรองโดยไม่ระบุว่าคุณสมบัติเป็นอย่างไร กลายเป็นว่าใครเป็นผู้รับรองก็ได้ จึงผิดตั้งแต่แรก
“รัฐธรรมนูญกำหนดว่า การเลือกตั้งต้องเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม หมายความว่า การสรรหาวุฒิสภาต้องเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ถึงกำหนดว่า คุณต้องดำรงตำแหน่งในอาชีพเกิน 20 ปี ตรงนี้คือหัวใจสำคัญ หรือมีการแจกเสื้อเหลืองก็ดี การประชุมในโรงแรมต่าง ๆ ก็ดี ผมอายุ 75 ปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นการเลือกตั้งครั้งไหนแย่เหมือนการเลือกวุฒิสภาครั้งนี้”นายณฐพรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานถึงขั้นไหนเรื่องตัวเงิน นาย ก. ให้ นาย ข. นายณฐพรกล่าวว่า ตนมีคลิปภาพถ่ายในการเจรจา และมีทั้งเสียง ภาพถ่าย คลิปเสียงหลายแห่งในมือตอนนี้ เรื่องการฮั้ว
“อีกประเด็นที่สำคัญ ปัจจุบันคนที่เป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ร้อยกว่าคน เป็นคนที่สมัครรับเลือกตั้งมาก่อนทั้งนั้น ผมสามารถเชื่อมโยงได้ว่า กลุ่มนี้มาจากไหน ใครเป็นอย่างไร ดำเนินการอย่างไร ใครเป็นหัวหน้าหน่วย ใครเป็นคนดำเนินการอะไร คนที่เป็นคนเขียนโปรแกรมทั้งหมด เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด เป็นรองผู้ช่วยศาสตราจารย์ เป็นคนเขียนแพลตเทิร์ทั้งหมดว่า จะใช้การเลือกตั้งแบบไหน อย่างไร ฮั้วอย่างไร”นายณฐพรกล่าว
เมื่อถามว่า เชื่อมโยงกับพรรคการเมืองหรือไม่ นายณฐพรกล่าวว่า มี มีถึงตัวบุคคลระดับใหญ่ของพรรคการเมือง
ด้านนายวิเชียรกล่าวว่า ตนอาจจะนำเสนอรายละเอียดที่ได้รับหนังสือของนายณฐพรเสนอในที่ประชุม กพค. ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.68) ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 กำหนดช่องทางในการพิจารณาว่าจะดีเอสไอจะรับเรื่องใดเป็นคดีพิเศษ 2 ช่องทาง หนึ่ง ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ฯ มาตรา 21 โดยวรรคหนึ่ง อนุหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ กพค. มีการประชุมก่อนหน้านั้นแล้วว่า มีคดีประเภทไหนบ้างที่ดีเอสไอมีอำนาจรับไว้พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามประกาศคดีพิเศษ ฉบับที่ 8/2565 มีทั้งหมด 25 มูลฐานความผิด โดยที่ประชุม กพค.ต้องอาศัยเสียงสองในสามของกรรมการคดีพิเศษทั้งหมดที่มีอยู่ให้รับเป็นคดีพิเศษ สอง มาตรา 21 อนุสอง กฎหมายระบุว่า คดีความผิดทางอาญาอื่น นอกจากมาตรา 21 อนุหนึ่ง ดีเอสไอก็มีอำนาจในการรับไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ผมเข้าใจว่า พรุ่งนี้ (25 ก.พ.68) ประธาน กพค. หรือมีผู้นำเสนอในที่ประชุมกพค. เกี่ยวกับมาตรา 21 อนุสอง เพื่อให้ กรรมการ กพค. รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ จึงต้องรอให้มีการนำเสนอในที่ประชุมว่า มีเหตุผลอย่างไร เพื่อหารือในที่ประชุมและมีมติว่ารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ”นายวิเชียรกล่าว
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีการโทรศัพท์มากดดันกรรมการคดีพิเศษ โดนกดดันบ้างหรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า ไม่มี เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาตนเดินทางไปต่างประเทศ เพิ่งกลับมาเมื่อคืน จึงไม่ได้รับสายใครเลย
“ที่สำคัญ ไม่มีใครมากดดันผมได้ ผมทำอะไรตรงไปตรงมา”นายวิเชียรกล่าว