
ครม.อนุมัติทบทวนมติสร้างส่วนต่อขยายสายสีแดงช่วง ‘รังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต' ระยะทาง 8.84 กม. วงเงินกว่า 6,400 ล้านบาท โดยปรับลดเวลาลงเหลือและวงเงินโดยปรับลดเวลาลงเหลือและวงเงินลง คาดเริ่มสร้างปีนี้ ใช้เวลา 4 ปีแล้วเสร็จในปี 2570 เปิดใช้ปี 71
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 7 มกราคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติทบทวนมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2562 โดยเป็นการขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลังจาก ครม.อนุมัติแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2568 ก่อนจะไปเสร็จในปี2570 และเปิดให้บริการในเดือน ม.ค. 2571
นายสุริยะกล่าวว่า เดิมมติครม.เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2562 อนุมัติโครงการนี้ไปแล้ว กำหนดวงเงินโครงการไว้ที่ 6,570.40 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว แต่ในการขออนุมัติ ครม. ครั้งนี้มีการปรับตัวเลขวงเงินโครงการใหม่ โดยปรับลดลง 96.42 ล้านบาท มาอยู่ที่ 6.473.98 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงปรับระยะเวลาก่อสร้างโครงการจาก 5 ปี เหลือ 4 ปี
“ขณะนั้น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562) ได้มีผลบังคับใช้ กระทรวงคมนาคม (คค.) จึงมีนโยบายให้ รฟท. ทบทวนแนวทางการลงทุนโครงการ โดยพิจารณาการให้เอกชนร่วมลงทุนตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวก่อน รฟท. จึงศึกษาแนวทางการลงทุนใหม่ และได้เปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากเดิมรัฐเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด เป็นรัฐลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานและงานระบบไฟฟ้า ส่วนเอกชนลงทุนในส่วนของการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าและงานให้บริการเดินรถพร้อมการบำรุงรักษา ส่งผลให้โครงการเกิดความล่าช้า และกรอบวงเงินของโครงการได้เปลี่ยนแปลงไป โดยค่างานโยธาและระบบรางเพิ่มขึ้นจากเดิม 3,874.29 ล้านบาท เป็น 4,060.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.51 ล้านบาท” นายสุริยะกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม โดยที่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าจ้างที่ปรึกษาต่าง ๆ ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ค่าเวนคืนที่ดิน มีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ส่งผลให้**กรอบวงเงินรวมของโครงการลดลง** จากเดิม 6,570.4 ล้านบาท เป็น 6,473.98 ล้านบาท (ลดลง 96.42 ล้านบาท) กระทรวงจึงเสนอขอปรับลดกรอบวงเงินรวมของโครงการมาในครั้งนี้ ตลอดจนขอปรับระยะเวลาโครงการจากเดิม 5 ปีเป็น 4 ปี ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้องต่อการปรับกรอบวงเงินโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ โครงการมีแผนจะเริ่มการก่อสร้างประมาณเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565 และจะเปิดให้บริการประชาชนได้ในเดือนตุลาคม 2565 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้โครงการดังกล่าวมีความล่าช้าไปจากแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ข้างต้น จึงเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม กำกับการดำเนินงานโครงการฯให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้โครงการฯ สามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2571 ตามที่กำหนดในแผนงาน ตลอดจนให้กระทรวงคมนาคมบริหารจัดการโครงการฯให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้ขอปรับลดลงด้วย

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา