‘เศรษฐา’ ย้ำ ‘ประยุทธ์’ มางานศพแม่ ไม่มีเรื่องการเมือง เป็นการมาส่วนตัว ระบุฟังความเห็นทุกคนทั้งอดีตนายกฯ - รองนายกฯ ปัดเช็กกระแสการเมืองเดือนสิงหา กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ชี้สถานการณ์หุ้นตกทั่วโลกวานนี้ (5 ส.ค.67) ติดตามอยู่ แต่หุ้นก็เด้งขึ้นแล้ว เผยไม่ได้คุยฝ่ายความมั่นคง คุมสถานการณ์ กรณีศาลรธน.อ่านคำพิพากษายุบ-ไม่ยุบ ‘ก้าวไกล พรุ่งนี้ (8 ส.ค.67)’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการพบกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี ในงานสวดพระอภิธรรม นางชดช้อย ทวีสิน มารดา ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น
@ย้ำอีกรอบ ‘ประยุทธ์’ มางานศพแม่ส่วนตัว ไม่มีการเมือง
นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า “ท่านอยากให้ผมมองอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สถานะไม่ได้เหมือนในอดีตแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ท่าน (พล.อ.ประยุทธ์) ไปเป็นงานส่วนตัว และตนเองก็พบปะกับท่านในหลายๆโอกาส คุณแม่ตนเสียท่านก็มาให้กำลังใจ และท่านเองก็เจอบุคคลที่คุ้นเคยสมัยเป็นนายกฯมา 8 ปี ตรงนี้ คิดว่าทุกท่านน่าจะมีข้อคิดเห็นของแต่ละคนได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การรับฟัง พล.อ.ประยุทธ์ กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะบาลานซ์สองคนนี้อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่จริง เพราะนอกจากนายทักษิณกับพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ก็ได้เจอ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็รับฟัง และก็ไม่ได้รับฟังแค่อดีตนายกฯอย่างเดียว รองนายกฯ หรืออดีตรัฐมนตรีต่างๆตนก็เจอ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ตนเจอก็มีการพูดคุยกันตลอด แล้วแต่โอกาสมากกว่า
เมื่อถามว่าดูเหมือนนายกฯตีตัวออกห่างนายทักษิณ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ตีตัวออกห่างใครทั้งนั้น ทำงานอย่างเดียว แต่การทำงานบางครั้งอาจไม่สามารถไปพบกับบางท่านได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกท่านคงเข้าใจว่าตนมีหน้าที่ในฐานะนายกฯที่เราต้องทำงานอยู่แล้ว และตนก็ลงพื้นที่ตลอด สื่อฯก็เห็นวันเสาร์ก็ยังทำงานอยู่
เมื่อถามว่าช่วงเดือน ส.ค.อาจมีหลายเรื่องที่เกี่ยวกับทางการเมือง ได้เช็คกระแสโดยเฉพาะเรื่องนักลงทุนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเช็คกระแสอะไรทั้งสิ้น เพราะจริงๆแล้วปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ ตนเองใช้เวลาส่วนมากเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้แก้ไขปัญหาอยู่ ส่วนกระแสจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ซึ่งอย่างที่สื่อฯพูดถูกช่วงเดือน ส.ค.นี้มีอีเว้นท์ต่างๆเยอะมาก ไม่ว่าจะวันที่ 7 ส.ค.หรือ 14 ส.ค. ก็ตามที แน่นอนเป็นธรรมดานักลงทุนก็มีความกังวล
@เศรษฐกิจโลกกำลังดีขึ้น หุ้นร่วงระนาวแค่ชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา กำลังมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รัฐบาล ได้มีการติดตามอย่างไรบ้าง นายเศรษฐาตอบว่า ก็ดูอยู่เมื่อเช้า ก็เช็คตลาด หุ้นก็เด้งขึ้นมาแล้ว เชื่อว่าน่าจะดูแลได้ ส่วนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ตกมากเป็นประวัติศาสตร์วันนี้ก็ขึ้นมาแล้ว 10% เป็น “แพนิคเซลล์”หรือ ความกังวลมากกว่าตนเชื่อว่าสหรัฐเองก็มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว
@กระบวนการยุติธรรมในประเทศ เป็นกลางอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หารือกับทูต 18 ประเทศถึงคดียุบพรรค จนหลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่า ไม่ทราบว่ามีการคุยกันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีการพบกันแต่ไม่ทราบเนื้อหาว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง แต่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ส่วนตัวคิดว่า ทั้ง 18 ประเทศ ระบบยุติธรรมและระบบบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกับกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ก็เป็นกลางและเป็นสากลได้รับการยอมรับจากทุกๆฝ่ายอยู่แล้ว
“ ผมคงพูดแทนท่านอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวของผมมีความเคารพกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวทุกคนก็คงทราบไม่ว่าจะเป็นกรณีของผมเอง ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าหากมีประเด็นหรือมีผู้ร้องเรียน ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน อย่างของผมเองก็ได้แจ้งไปแล้วว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คอยวันตัดสินคือวันที่ 14 สิงหาคม และผมก็ไม่ได้มีการไปพูดคุยอะไรกับใครทั้งสิ้น และประเทศของเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้ให้เกียรติทางนั้นเขาเหมือนกัน ผมไม่ทราบว่ารายละเอียดการพูดคุยสนทนามีเรื่องอะไรบ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
@เตรียมให้ กต.ปมหนังสือ UN ห่วงยุบ ‘ก้าวไกล’
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะเดียวกันก็มีความกังวลเนื้อหาในหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศที่ชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อแปลเป็นภาษาไทยมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับคดียุบพรรคก้าวไกล นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องเรียนอย่างนี้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกันในเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องมีการชี้แจงไปยัง UN ส่วนของการแปลก็คงต้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจงดีกว่าว่าแปลไปว่าอะไร แต่จุดยืนของเรา เราไม่ก้าวก่ายระบบตุลาการอยู่แล้ว และเราก็จะไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการของเรา และเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงชี้แจงในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) ที่จะมีการตัดสินคดีของพรรคก้าวไกล ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนตนไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงและมั่นใจว่า ทุกคนตั้งอยู่บนความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และความจริงแล้วเราก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว