‘บิ๊กโจ๊ก’ เยือนสภาฯ ยื่น ‘วันนอร์’ ขอรวมชื่อ 20,000 ราย ถอดถอนกรรมการป.ป.ช. แต่ไม่บอกจะปลดใคร คาด 2 สัปดาห์ได้ครบ ส่วนการสมัคร สว. ยังอุบ แต่สนใจอยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 16 พ.ค. 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ผ่านนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อแสดงเจตนารมณ์การรวบรวมรายชื่อประชาชนถอดถอนกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) คนหนึ่ง
@ล่า 2 หมื่นชื่อ ถอนกรรมการป.ป.ช.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่แสดงออกถึงพลังประชาชนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญยื่นถอดถอนกรรมการองค์กรอิสระ เพราะที่ผ่านมามีแต่การเข้ายื่นเสนอแก้ไขกฎหมาย การยื่นหนังสือครั้งนี้เป็นการคิกออฟแสดงเจตนารมณ์เริ่มต้นนับ 1 รวบรวมรายชื่อประชาชน ตนจะลงชื่อเป็นคนแรกยื่นกล่าวหากรรมการป.ป.ช.คนหนึ่งที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตต่อหน้าที่ ร่ำรวยผิดปกติ และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญมาตรา 236 ระบุว่ากรณีเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระมีพฤติการณ์ทุจริต ประชาชนสามารถยื่นรายชื่อ 20,000 คน ต่อประธานรัฐสภา ให้เสนอเรื่องต่อประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะกรรมการอิสระมาไต่สวนองค์กรอิสระได้
“จะเริ่มล่าชื่อที่แรกในวันที่ 17 พ.ค.เวลา 08.00 น.ที่ร้านกาแฟของตน จ.สงขลา ช่วงบ่ายที่จ.พัทลุง และวันที่ 18พ.ค.ไปล่าชื่อที่จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นไปที่จ.เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี ขอนแก่น คาดว่า ใช้เวลา 2 สัปดาห์จะรวบรวมรายชื่อเกิน 20,000 คนแน่นอน“
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า นอกจากการตั้งโต๊ะล่าชื่อแล้ว ยังเปิดเว็บไซต์ HAKPARN.COM ให้ร่วมลงชื่อได้ง่ายขึ้นด้วย ภายใต้ชื่อ ”ปฏิบัติการกวาดบ้านให้ ป.ป.ช.“ โดยภายในเว็บไซด์ดังกล่าวจะบอกรายละเอียดเหตุผล พฤติการณ์ความผิดของกรรมการป.ป.ช.คนดังกล่าวที่ทำให้ประชาชนต้องเข้าชื่อถอดถอน ยืนยันการยื่นตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะมีความขัดแย้งส่วนตัว
@ไม่เกิน 2 สัปดาห์ได้ชื่อครบ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ส่งข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ใครอยากรู้กรรมการ ป.ป.ช.คนนี้มีพฤติการณ์อย่างไร ให้ไปถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้ เรื่องนี่เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตรงไปตรงมาเพื่อประชาชน ถ้าไม่ทำหน้าที่ตรงไปมา พลังประชาชนจะเข้ามาทำงานแทน วันนี้ยังไม่ทันได้เริ่มล่ารายชื่อ ก็มีหลายคนติดต่อเข้ามาจะลงชื่อด้วยจำนวนมาก กรณีอื่นใช้เวลา 7-8 เดือนรวบรวมรายชื่อ แต่ของตนมั่นใจ 2 สัปดาห์จะได้รายชื่อครบ 2 หมื่นคนแน่ เมื่อรวบรวมรายชื่อได้ครบ จะมายื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
“พอผมมาเปิดประเด็นวันนี้ ผมไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะไปเยาวราชช่วงเย็นหรือไม่ ไปซื้อประทัด กลัวว่า วันนี้ประทัดจะหมดเยาวราช” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
@ไม่ตอบ ยกฟ้องลูกน้องร้องดำเนินคดี ตร.ค้นบ้าน
เมื่อถามถึงกรณีศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 มีคำพิพากษายกฟ้องชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีตรอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ลูกน้องคนสนิท พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นโจทก์ฟ้องตำรวจชุดเข้าค้นบ้านพักใน อ.เมือง จ.นครปฐม เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ จะมีผลต่อการพิจารณาเรื่องการกลับมาสู่ตำแหน่งรองผบ.ตร.หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดที่ลูกน้องตนไปดำเนินการยื่นฟ้องเรื่องใด ส่วนจะมีผลต่อการพิจารณาการกลับมาดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.หรือไม่ ถือเป็นคนละเรื่องกัน กรณีคำพิพากษาศาลดังกล่าวเป็นเรื่องคดีอาญา แต่การพิจารณากลับสู่ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เป็นเรื่องของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม
@ยังไม่ตัดสินใจลง สว.
ส่วนกระแสข่าวว่ามีความสนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจ ขอดูรายละเอียดก่อน เพราะการสมัครสว.ได้จะต้องไม่เป็นข้าราชการ
“แต่วันนี้ผมยังเป็นข้าราชการอยู่ แต่หลักของผมง่ายๆ คืออยู่ตรงไหนแล้วทุ่มเททำประโยชน์ แก้ไขปัญหาความทุกข์ ความไม่ถูกต้องให้กับประชาชนได้มากที่สุด ก็ทำตรงนั้น” อดีตนายตำรวจคนดังกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าการสมัครสว.ครั้งนี้มีคู่แข่งจำนวนมากจะพิจารณาอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปดูอีกครั้งหนึ่ง และตนมองว่าทุกอย่างต้องยึดพลังประชาชน ไม่มีอะไรที่จะผ่านพลังประชาชนไปได้ เพราะบ้านเมืองเราปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นต้องยึดหลักประชาชน และการทำงานต้องไม่เอาเปรียบประชาชน ต้องทำอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ไปพร้อมเรา เพราะถึงจะปิดอย่างไรก็ปิดไม่ได้ บ้านเมืองเรามีโซเชียลมีเดียเต็มไปหมด