‘เศรษฐา’ สั่งตรวจข้าวเก่าโกดังจำนำข้าว หลังเกิดดราม่ากินข้าวเก่า ยันใช้หน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ แต่ยังอุบใครจะเป็นคนตรวจ ระบุส่วนตัวกินแล้วยังปลอดภัยดี ส่วนการดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดยังไม่คุย ‘เสี่ยหนูุ’ แต่เชื่อความเห็นหลายอย่างตรงกัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ที่จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีมีการนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่เก็บไว้ 10 ปีในโกดังจ.สุรินทร์ ไปตรวจสอบ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ระบุว่าจะนำข้าวนี้ส่งออกไปขายยังแอฟริกา จะทำให้ประเทศเสียชื่อเสียง แล้วจะมีการตรวจสอบหรือระงับยับยั้งอะไรหรือไม่ว่า ก่อนที่จะนำออกไปต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร
@เล็งนำข้าวเก็บ 10 ปีไปตรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้อาจจะบานปลาย เพราะหลายๆฝ่ายมองว่าข้าว 10 ปีนั้นรับประทานไม่ได้ จะมีอันตราย นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็อย่าให้มันบานปลาย เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้าไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำ เราชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเสียงคัดค้านค่อนข้างจะเยอะหากนำข้าวส่วนนี้ไปบริโภคนั้น นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกเสียงคัดค้านมาจากอะไร หากเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่า สามารถบริโภคได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากไปทำการทดลอง ทดสอบดูแล้วว่ามีปัญหา เชื่อว่าท่านก็ไม่ขายอยู่ดี
เมื่อถามว่า ควรตรวจสอบข้าวนี้ก่อนที่นำมารับประทานและก่อนที่เป็นข่าวหรือไม่ เพราะมันเป็นผลเสียมากกว่า นายกรัฐมนตรีตอบว่า ก็เดี๋ยวจะนำไปทดสอบ ทดลองอย่างที่ตนพูดไป เมื่อถามว่า จะให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ตรวจสอบใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช้คำว่าเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ หากให้เป็นหน่วยงานภาครัฐเดี๋ยวจะไม่เชื่อกันอีก ต้องเป็นหน่วยงานที่สามารถตรวจสอบได้ และมีความน่าเชื่อถือ เพราะเราไม่ได้มีธงไว้ก่อนว่าปลอดภัย แต่ธงของเราคือจะต้องเป็นข้าวที่มีความปลอดภัย ถ้าเกิดว่าไม่มีความปลอดภัยเราก็ไม่ทำ
เมื่อถามอีกว่า รัฐบาลจะต้องเร่งหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบก่อนเลยหรือไม่เรื่องนี้จะได้จบปัญหาดราม่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบกรรมวิธีการตรวจสอบ ถ้าหากไปเร่ง ก็จะไม่ครบถ้วนไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวจะมีปัญหา ตรงนี้ขอให้ใจเย็นๆหน่อย มันมีขั้นตอนของมัน นายภูมิธรรม ตระหนักดีถึงข้อนี้
@ยังไม่เคาะ ใครต้องตรวจ รัฐ หรือ เอกชน?
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะเป็นคนตรวจสอบเอง ไม่ใช่ให้เอกชนมาประมูลเพื่อตรวจสอบใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตรงนี้จะต้องเป็นที่สบายใจของทุกฝ่าย ถ้าเราตรวจสอบแล้วมีความไม่สบายใจก็ตรวจสอบเองได้ จะให้ดีทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนรู้เห็นในตรงนี้ ไม่ใช่แอบๆทำ
ส่วนสุดท้ายแล้วหากพบว่ามีสารก่อมะเร็งอาจจะแปรรูปไปทำเป็นแอลกอฮอล์หรือน้ำส้มสายชูตามที่นักวิชาการเสนอหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรให้ผลออกมาก่อน แล้วเราค่อยไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไรหรือไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้รับประทานข้าวนี้ไปหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า รับประทานไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วมีอาการอะไรหรือไม่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ สื่อมวลชนเป็นห่วง นายเศรษฐา หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณในความห่วงใย วันนี้ก็มายืนตรงนี้ทำภารกิจตั้งแต่เช้าไม่ต้องห่วง อย่าให้บอกดีกว่าทานแล้วเป็นอย่างไร อย่างที่สื่อมวลชนเป็นห่วงมา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ทราบเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ออกมาดีกว่า”
เมื่อถามว่า ตามหลักข้าวที่เก็บไว้ 3 ปีก็ตีว่าเป็นข้าวเน่า แต่ข้าวนี้เก็บไว้ 10 ปีจะมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่จริง ขึ้นอยู่กับการเก็บและกรรมวิธีหลายๆอย่าง หากเก็บไม่ดีไม่ถึง 3 ปีก็แย่ได้ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
@ยังไม่เคลียร์ใจ ‘อนุทิน’ ปมกัญชา
ผู้สื่อข่าวสอบถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีต่อว่า ได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยแล้ว ได้มีการพูดคุยเรื่องกัญชาทางการแพทย์หรือยัง นายกรัฐมนตรีตอบว่า ยังไม่ได้พูดคุย แต่ไม่มีปัญหาก็ตามที่ออกข่าวไป เพราะมีรายละเอียดที่ต้องทำกันอีกพอสมควร และทุกภาคส่วนมีสิทธิ์มีเสียงในการพูด ซึ่งตนและนายอนุทินเห็นตรงกันว่าประชาชนสำคัญที่สุด