บก.ปทส. พบถึงแคดเมียมหลายถุงที่โรงงาน จ.ชลบุรี เตรียมแถลงพรุ่งนี้ (7 เม.ย.67) ด้านกมธ.อุตสาหกรรม เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องแจง 17 เม.ย.นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 เมษายน 2567 จากกรณีตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงาน และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบและยึดอายัด "กากแคดเมียม" ที่อยู่ภายในโรงงาน เจแอนด์บี เมททอล จำกัด พื้นที่ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
ทั้งนี้ ระหว่างการเข้าตรวจค้น ตำรวจ บก.ปทส. ซึ่งรับผิดชอบสืบสวนการกระทำความผิดอาญาที่เกิดขึ้นตรวจสอบพบว่า กากแคดเมียมที่ขนย้ายมาจาก จ.ตาก 15,0000 ตัน สูญหายไปจากบริษัทฯ บางส่วน จึงขอหมายค้นบริษัทฯ และตรวจยึดเอกสารต่างๆ จนไปพบเอกสารการขนส่งจากบริษัทดังกล่าว มาที่ บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี
ล่าสุดวันนี้ (6 เมษายน 2567) เวลาประมาณ 14.00 น. ตำรวจ บก.ปทส. จึงเข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พบถุง bigbig บรรจุวัตถุลักษณะคล้ายกากแคดเมียม และหน้าถุงพ่นสี วัน เดือน ปี การขนส่ง เหมือนกับที่เจอในโรงงาน จ.สมุทรสาคร จึงประสานกรมโรงงาน และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด เบื้องต้นกรมโรงงานยืนยันว่า เป็นกากแคดเมียมจริง โดยในวันพรุ่งนี้ (7 เมษายน 2567) ทาง รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ จะมีการเปิดแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้งต่อไป
@กมธ.อุตฯ ตั้งคำถาม 3 ข้อถึงกรณี แคดเมียม
ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจพบสารแคดเมียมในพื้นที่ จ.สมุทรสาครว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาสอบสวนให้เกิดความกระจ่างใน 2 ประเด็นคือ 1.จะจัดการกับสารแคดเมียมที่เหลืออยู่อย่างไร เพราะมีการแจ้งว่าขออนุญาตขนมา 15,000 ตัน แต่วันที่เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครเข้ามาชี้แจงต่อกมธ.แจ้งว่า พบมีกากแร่แคดเมียมประมาณหมื่นกว่าตัน
ส่วนเมื่อวาน (5 เม.ย. 67) กระทรวงอุตสาหกรรมบอกพบกากแร่ดังกล่าวแค่2,000กว่าตันทั้งในตัวอาคารและนอกอาคาร ดังนั้น เบื้องต้นต้องสรุปให้ได้ก่อนว่า ระยะเวลานี้ผ่านมา 5-6 เดือนขนมากี่ตันแน่ และยังเหลืออยู่กี่ตัน ต้องบอกตัวเลขที่แท้จริงกับประชาชนให้ได้ก่อนเพื่อให้หายสงสัย
นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องสอบสวนให้เกิดความชัดเจนเวลานี้สารแคดเมียมกระจายไปที่ไหนบ้าง และมีบางส่วนตามกลับมาแล้วหลังมีการเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการย้ายไปโรงงานอื่น แล้วตามกลับมา ตรงนี้เป็นปัญหาแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทราบว่ากระจายไปที่ไหนบ้างจะได้จัดการกับกากแร่เหล่านั้นได้ถูกต้อง ที่สำคัญต้องมีการสืบสวนสอบสวนว่ามีการนำไปหลอมหรือไม่ตรงนี้ถือเป็นเรื่องอันตรายมากเพราะ กระบวนการหลอมโลหะจะทำให้เกิดไอของสารแคดเมียมซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชนได้
นายอัครเดช กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 เรื่องการขนย้ายต้องไม่โลกสวยการออกคำสั่งทางปกครอง ให้ขนย้ายแล้วเสร็จภายใน7วันในทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ สารแคดเมียมเป็นสารอันตราย การขนย้ายต้องมีการวางแผนเตรียมการอย่างดี ทราบล่าสุดพบถุงบรรจุกากแคดเมี่ยมบางถุงที่กองเก็บนอกอาคารมีการชำรุดและเกิดการรั่วออกมาของกากแคดเมี่ยมบางส่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าโลกสวยต้องไปดูว่าในทางปฏิบัติจะควบคุมในการขนย้ายอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน ต้นทาง ระหว่างทางและปลายทางได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือยัง เพราะสารแคดเมียมอันตรายมากเป็นสารก่อมะเร็งระหว่างขนย้ายมีการฟุ้งกระจายหรือมีนำ้ฝนมาชะล้างก็ล้วนอันตราย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด
ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวย้ำว่า ประเด็นที่ 3 ต้องเร่งหาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ถือว่าสำคัญมาก เพราะในEIA ระบุชัดกากเเคดเมียมเหล่านี้ไม่สามารถขนย้ายได้ แต่กลับมีการขนย้ายทั้งที่กฎหมายไม่อนุญาตเรื่องนี้กมธ.จะติดตามอย่างใกล้ชิด ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ปลอดภัยสร้างความเข้าใจกับประชาชน
“กรรมาธิการจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องการสร้างความตระหนัก ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดการปัญหาอย่างจริงจัง ถ้าส่วนราชการบางหน่วยงานให้ความร่วมมือกับกมธ.อย่างจริงจังตั้งแต่แรกปัญหาคงจัดการได้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาส่วนราชการก็เป็นอุปสรรคเสียเอง ในการสอบหาข้อเท็จจริงของกรรมาธิการอุตสาหกรรม เพิ่งมาให้ข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้าไปมาก ดังนั้นส่วนราชการต้องตื่นตัวในการเข้ามาแก้ไขปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้ การที่ส่วนราชการทำงานล่าช้าทำให้ประชาชนตกใจเพราะข่าวที่ออกมาไม่ชัดเจน จึงมีคำถามจากประชาชนมากมาย”นายอัครเดชกล่าว
นายอัครเดช กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ทำไมไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ประกาศเป็นเขตควบคุม มีความแตกต่างกันอย่างไร กมธ.ไม่ได้สนใจจะประกาศแบบไหน แต่ขอให้การแก้ปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนต้องมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งในปัจจุบันและอนาคต การไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติจะกระทบต่อสิทธิของประชาชนในอนาคตหรือไม่ถ้าประชาชนเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาในภายภาคหน้า แล้วจะเรียกร้องจากใคร นี่ก็เป็นคำถามที่ประชาชนฝากถามมา
@17 เม.ย.นี้ เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 เมษายนกมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงอีกครั้ง ช่วงนี้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะมาชี้แจงต่อกมธ.เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนร่วมกัน และขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และทุกภาคส่วนที่ได้ลงไปแก้ปัญหาให้ประชาชน