‘เศรษฐา’ พบปะคนไทยในอเมริกา เปิดใจเข้าสู่วงการการเมือง เพื่อต้องทำให้ประเทศดีขึ้น ยกเครดิตรบ.ก่อนปูทางมาให้ จึงมาสานต่อได้ง่าย คาด 2-3 เดือน รู้ผลเอกชนนอกลงทุนในไทย ก่อนตอบคำถามเคล็ดลับความสำเร็จในชีวิต ‘มีวินัย-ทำงานหนัก’ แนะคนรุ่นใหม่ตื่นขึ้นมาลงมือทำ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ที่โรงแรม Ritz-Carlton นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐอเมริกา โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ยินดีที่ได้มาพบกับพี่น้องชาวไทยทุกคน พวกเราต้องช่วยกันเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างขีดความสามารถของประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ตัวเองเดินทางเข้าสู่ชีวิตการเมือง ทั้งนี้ตั้งแต่รับหน้าที่มาสองเดือนกว่าได้เดินทางไปในหลาย ๆ ประเทศ ถือเป็นภารกิจของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้มีหน้าที่ภารกิจหลักที่ต้องทำคือประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว ประเทศไทยพร้อมแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่ดีกว่าเวลานี้อีกแล้ว ที่จะมาลงทุนในประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในช่วงสองเดือนที่ได้เดินทาง ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ปูทางไว้แล้ว ตนเองและรัฐบาลนี้ได้มาสานต่อ โดยมีทีมงานที่แข็งแกร่งได้ทำงานกับหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ซึ่งมีข้าราชการที่มีความสามารถ และมีความปรารถนาดีกับประเทศมาช่วยกันทำงาน ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เช่น บริษัทอเมซอน Google และ Facebook รวมถึงบริษัทนักลงทุนจากประเทศจีนก็มีความสนใจมาลงทุนบริษัทรถไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะมีการลงทุนอย่างแน่นอน
“การเดินเข้าสู่เวทีการเมือง สิ่งที่ต้องการทำคือ ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง ต้องการยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ แต่ไม่ได้ดึงศักยภาพที่มีของทั้งประเทศมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา การพัฒนาพัฒนาบุคลากร และระบบภูมิศาสตร์ ซึ่งเราตั้งอยู่ในภูมิรัฐศาสตร์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยในสถานการณ์ความขัดแย้ง รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน คือ มีความเป็นกลาง ต้องการยืนอยู่ในความขัดแย้งอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ยึดมั่นกับความสงบ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่บนความขัดแย้ง ย่อมมีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตนเองเคยเรียนอยู่อเมริกา 6 ปีเต็ม พยายามหางานทำที่นี่ แต่มีปัญหาเรื่อง work permit และ วีซ่า อีกทั้งผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้เรียนเก่งมาก จนมีบริษัทต้องการตัว จึงกลับไปทำงานบริษัทต่างชาติในไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่บุตรชาย 2 คน ทำงานในต่างประเทศว่า ส่วนตัวมีความไม่สบายใจและถูกล้อเลียนจากฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลาว่า เป็นนายกฯ ที่จะสร้างอนาคตให้ลูกหลานคนไทย แต่ลูกชาย 2 คนของตัวเอง ไม่ยอมกลับเมืองไทย ยังทำงานอยู่เมืองนอก ซึ่งก็พยายามที่จะหัวเราะกับมุขตลกนี้ให้ได้ แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องขมขื่นอะไร ก็ดีใจที่ลูกทั้งสองคน มีความสุข ที่อยู่ในต่างประเทศใช้ชีวิตและอิสรภาพได้ แม้ในฐานะผู้ปกครอง จะอยากให้ลูกกลับไปใช้ชีวิตที่เมืองไทยดีกว่า แต่ต้องยอมรับโดยตรงว่า ประเทศไทยไม่มีข้อเสนอที่ดีกว่า แม้แต่หลายคนในที่นี้ รัฐบาลก็อยากให้กลับมาทำงาน เพื่อสนับสนุนประเทศ และนี่ก็คือเหตุผลที่เข้ามาทำงานการเมือง เพราะอยากทำให้ประเทศดีขึ้น
@แนะคนรุ่นใหม่ ทำงานหนัก-มีวินัย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนชุมชนไทย สอบถามในหลายประเด็น โดยมีนักศึกษาไทย ตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรจะประสบความสำเร็จแบบนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายเศรษฐาตอบว่า สิ่งที่ต้องทำ 2 อย่าง คือ ต้องทำงานหนัก และ มีวินัย พร้อมยกตัวอย่าง ลูกทั้ง 3 คน ซึ่งเรียนจบ ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก ตนเองไม่ได้สั่ง แค่มองตาก็รู้ใจ ขอให้ลูกทำงานก่อน 3 ปี โดยใช้คำแรงว่า "ให้เป็นขี้ข้าก่อน" ทำงานให้รู้ระบบ ก่อนจะเป็นเจ้านายคนหรือแม้แต่ตนเอง เมื่อเรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศ ก็ต้องกลับมาทำงานตอกบัตรเข้างานเหมือนกับคนทั่วไป
ดังนั้น อยากให้ทุกคน ตระหนักว่า การจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ไม่ใช่ฝันเพียงอย่างเดียว แล้วจะประสบความสำเร็จ หากจะให้ตนเองแนะนำก็ขอแนะนำว่า สิ่งที่จะทำให้ฝันเป็นจริงก็คือ "ตื่น" ต้องตื่นขึ้นมาทำ