ปปง.แถลงผลคดียึดทรัพย์ประจำเดือน ต.ค. ยึดทรัพย์ไปแล้ว 9 คดี 75 รายการ มูลค่ากว่า 33 ล้าน แจงคดีแอมไซยาไนด์ ยึดทรัพย์กว่า 12 ล้าน -ส่งเรื่องให้อัยการเดินหน้าขอศาลสั่งยึดทรัพย์อีก 22 คดี มูลค่า 531 ล.-สรุปตัวเลข 1 ปียึดทรัพย์คดีสำคัญ 9,400 ล้าน นำส่งกระทรวงการคลัง 8,800 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 19 ต.ค. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการดำเนินงานของสำนักงาน ปปง.ประจำเดือนตุลาคม โดยผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 10/2566 เห็นชอบให้ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิด โดยยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 9 คดี ทรัพย์สิน 75 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐาน ยาเสพติด ฉ้อโกงประชาชน ลักลอบหนีศุลกากรและการจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีคดีที่สำคัญ เช่น คดีนายบรม ศรีมงคล กับพวก กระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
โดยสืบเนื่องมาจากการสืบสวนการกระทำความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนของ น.ส.สรารัตน์ หรือแอมไซยาไนด์ โดยมีข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มบัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้ในการกระทำผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว 26 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่า 12 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการส่งเรื่องให้อัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน 22 คดี ทรัพย์สิน 1,812 รายการ พร้อมดอกผล 531 ล้านบาท เช่น คดีของนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก กระทำความผิดมูลฐานยาเสพติด มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 53 รายการ มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท
คดีนายประสิทธิ์ หรือเหว่ยเซียะกัง ราชายาเสพติด กับพวก ในความผิดมูลฐาน ยาเสพติดที่นำเงินที่ได้จากการขายยาไปประกอบธุรกิจบังหน้า ซึ่งเป็นกรณีมีการยึดทรัพย์เพิ่มเติมจากเคยดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 โดยคณะกรรมการธุรกรรม มีมติส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 14 รายการ มูลค่าประมาณ 101 ล้านบาท
คดีนายวุฒิมา เถาว์หมอ หรือ อดีตพระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมะคีรี กับพวก เป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับหน้าที่ราชการและความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งดำเนินการตามที่นายคม คงแก้ว หรืออดีตพระคม สั่งการให้นำเงินสดที่ได้รับบริจาคจากประชาชนไปฝากเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวและขนย้ายทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 1,512 รายการ มูลค่าประมาณ 301 ล้านบาท แต่ทางผู้เสียหายซึ่งเป็นวัดสามารถมาร้องสิทธิ์ขอคืนทรัพย์ดังกล่าวได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยผู้เสียหายมาแสดงเจตจำนงได้ทั้งนิติบุคคลและบุคคลทั่วไป และมีการส่งเรื่องให้อัยการ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สิน ไปคืนหรือชดใช้คืนให้กับผู้เสียหาย 9 คดี ทรัพย์สิน 222 รายการ มูลค่า 78 ล้านบาท คดีที่สำคัญ เช่น คดีนายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา กับพวก ซึ่งเป็นคดีความผิดมูลฐานปลอมเอกสารสิทธิ์ และฉ้อโกง โดยทุจริตกรอกข้อความและยอดเงินในใบถอนที่มีลายมือชื่อผู้มีอำนาจไปยังบัญชีเงินฝากของตนเองเป็นเหตุให้วัดบวรนิเวศวิหารฯ ได้รับความเสียหาย โดยคณะกรรมการธุรกรรมเห็นชอบให้นำเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืน หรือชดใช้คืน ให้กับผู้เสียหายโดยดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน3 รายการมูลค่ากว่า 1 ล้าน และดำเนินการคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายจำนวน 3 ราย โดยคดีนี้ ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์สินมาแล้ว 3 ครั้งจำนวน 354 รายการ มูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท
ส่วนผลดำเนินการภาพรวมในรอบปีที่ผ่านมา ปปง. ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 9,400 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นความผิดมูลฐาน ฉัอโกงประชาชน พนันออนไลน์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยาเสพติด โดยมีรายคดีสำคัญ เช่น คดีโกงหุ้นมอร์ รีเทิร์น จำกัด ยึด/อายัด 4,500 ล้านบาท คดีสร้างโรงแรมบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา- เกาะหลีเป๊ะ ยึด/อายัด ทรัพย์ 130 ล้านบาท คดีสำคัญอื่นๆ อีกหลายคดี โดยสามารถนำทรัพย์สิน ที่ศาลสั่งตกเป็นของแผ่นดินส่งกระทรวงการคลังรวมมูลค่า 8,800 ล้านบาท