'พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์' หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผย ม.112 สามารถแก้ไขได้ อดีตเคยทำ และมีประสบการณ์เคยถูกยัดดำเนินคดีในข้อหานี้แต่สุดท้ายไม่ผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 ก.ค. 2566 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) นวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม
ในเวลา 13.22 น.‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลุกขึ้นอภิปรายในรัฐสภา ชี้ว่า แทนที่จะเป็นการอภิปรายเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี แต่กลับกลายเป็นการอภิปรายเรื่อง ม.112 แทน โดยมีการพูดในทิศทางเดียวกันว่า ถ้าเลือก นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็นมีปัญหาเกี่ยวกับมาตรา 112 เรื่องความมั่นคงของชาติ ในฐานะที่เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นผู้มีประสบการณืเรื่องนี้มาก่อนนั้น ในอดีตเคยมีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 มาแล้ว รวมถึงปรับเปลี่ยนโทษจำคุก โดยยกตัวอย่างถึงการแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าวในอดีตที่ผ่านมา เช่นที่ปรากฏในคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ที่กราบเรียนมาทั้งหมด เพื่อที่จะให้ท่านประธานและท่านสมาชิกได้รับทราบว่า 'การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เป็นเรื่องปกติ แม้แต่รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดยังแก้ไขได้ ทำไมประมวลกฎหมายอาญาจึงแก้ไม่ได้' ยืนยันมาแก้ไขได้ และตนเองยังเคยถูกดำเนินคดีมาก่อนโดยอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ผลที่สุด อัยการวินิจฉัยว่าไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความผู้อื่นต่อบุคลที่ 3 เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังแต่อย่างใด และไม่เป็นการอาฆาตมาดร้าย หรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท แต่พฤติการแสดงให้เห็นว่าตนคิดใคร่ครวญที่จะทำงานเพื่อช่วยเหลือดูแลสถาบันเบื้องสูงให้ดียิ่งขึ้น
"ขนาดเราตั้งใจที่จะทำงานให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ยังถูกยัดเยียดข้อหาได้ แล้วพี่น้องประชาชน ถ้าใช้กฎหมายนี้ต่อไป จะไม่ถูกยัดเยียดหรือครับ เพราะฉะนั้นผมมีความเห็นว่าการแก้ไขมาตรา 112 เป็นเรื่องปกติครับ สามารถทำได้" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว