ตำรวคุมตัว 'อดีตพระอาจารย์คม' พร้อมพวก ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินวัดป่าธรรมคีรี มูลค่ากว่า 180 ล้านบาท ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ด้านผู้บัชญาการตำรวจสอบสวนกลางเผย ตรวจค้นหลังวัดพบเงินสด 80 ล้าน-ทองคำ 19 ล้าน มูลค่ารวมกับทรัพย์สินพบครั้งแรกร่วมกว่า 300 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2566 พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอฝากขัง 3 ผู้ต้องหาในคดียักยอกเงิน วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไปใช้จ่ายส่วนตัว รวมมูลค่ากว่า 180 ล้านบาท ได้แก่
1) นายคม คงแก้ว หรือ พระอาจารย์คม อายุ 39 ปี
2) นายวุฒิมา หรือพระหมอ เถาว์หมอ อายุ 38 ปี
3) น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี
โดย ท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี
สำหรับคดีนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้จับกุมบุคคลทั้ง 3 เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ภายหลังการจับกุมท่งเจ้าหน้าพยายามที่จะค้นหาหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม เบื้องต้นเท่าที่พบก็คือกลุ่มผู้ต้องหามีการซุกซ่อนเงินของกลางไว้ที่บัญชีน้องสาวของนายคม รวมทั้งเงินสดที่แพ็กใส่กระเป๋าไว้เป็นอย่างดี รวมๆแล้วก็กว่า 180 ล้านบาท เมื่อวานที่ผ่านมา (7พ.ค.) ตนรับรายงานว่า ทางคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบที่วัดฯแล้ว ก็ยังไปพบทองคำแท่ง มูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท เงินสดอีก 80 ล้านบาท ที่ผู้ต้องหานำไปขุดดินฝังไว้บนเขาบริเวณหลังวัด ซึ่งถ้าร่วมกับทรัพย์สินที่พบครั้งแรกก็ร่วมแล้วกว่า 300 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่ออีกว่า จากสืบสวนก็พอจะทราบด้วยว่า กลุ่มผู้ต้องหาน่าจะเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2563 โดยตนได้สั่งการให้ขยายผลการดำเนินคดี และเสาะหาหลักฐานเพิ่มมาอีกเรื่อยๆ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาเท่าที่พบในขณะนี้ยังมีเพียงแค่ 3 คน แต่หากพบว่าใครเกี่ยวข้องเพิ่มอีกก็จะมีการดำเนินคดีโดยทันที
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า ส่วนหลักฐานเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาคงต้องใช้เวลาสอบสวนอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบหลักฐานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เฉพาะแค่บัญชีธนาคารของวัดก็มีมากถึง 6 บัญชี ส่วนสาเหตุจูงใจก็น่าเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องเงินจำนวนมากที่ได้รับบริจาคมาจากชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธา ตัวผู้ต้องหาอาจมองว่า เงินที่ได้มานั้นมาจากชาวบ้านศรัทธาในตนเอง ซึ่งมันไม่ถูกหลัก ตนขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่ได้เป็นกลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่นั้นทำงานด้วยความรับผิดชอบและรัดกุม นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบร่วมกันทุกขบวนการอีกด้วย