‘ไทยสร้างไทย’ ประกาศนโยบายแก้หนี้สินครัวเรือน ตั้ง ‘กองทุนเครดิตประชาชน’ ปล่อยกู้รายละ 5 หมื่น ดอกเบี้ย 1% ใช้เป็นทุนหมุนเวียน-จ่ายหนี้นอกระบบ ขณะที่ ‘ภูมิใจไทย’ เสนอวงเงินกู้ฉุกเฉินคนละ 5 หมื่น ให้คนไทยทุกคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป
.....................................
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์หนี้สาธารณะและหนี้สินครัวเรือนที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะปัจจุบันระดับหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% ของจีดีพี และมีหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 หรือหนี้รหัส 21 ซึ่งมีกว่า 3.2 ล้านคน หรือ 4 แสนล้านบาท นั้น พรรคฯ จึงมีนโยบายที่จะแก้หนี้ทั้งสองอย่างในระยะเร่งด่วนและระยะยาว
ทั้งนี้ ในส่วนของหนี้สินครัวเรือน พรรคไทยสร้างไทยได้นำเสนอทางออก โดยการใช้งบประมาณจำนวนไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ชำระดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ เพื่อให้หนี้เหล่านี้สามารถรีไฟแนนซ์ได้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถกลับมาทำมาหากินได้อีกครั้ง แต่ถ้าหากยังไม่สามารถสู้ได้ พรรคฯเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนสร้างไทย วงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ลูกหนี้กลับมาฟื้นฟูกิจการได้
“หนี้อีกตัวที่สำคัญ คือ หนี้นอกระบบ พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายกองทุนเครดิตประชาชน ที่จะปล่อยกู้ให้กับประชาชนตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท โดยสามารถผ่อนจ่ายเป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์ได้ และดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ 1 ต่อเดือน เพื่อให้ประชาชนนำเงินนี้ไปหมุนเวียนในกิจการหรือไปชำระหนี้นอกระบบที่ติดอยู่ได้” นายสุพันธุ์ กล่าว
สำหรับหนี้สาธารณะของประเทศที่อยู่ในระดับสูงนั้น นายสุพันธุ์ ระบุว่า แม้หนี้สาธารณะจะยังไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่อัตราเร่งของหนี้สาธารณะไทยถือว่าสูงมาก และภาระการจ่ายหนี้ในงบประมาณก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการเร่งสร้างรายได้ให้กับประเทศ
นอกจากนี้ นายสุพันธุ์ ยังระบุว่า เราจำเป็นที่จะต้องเสริมความเข้มแข็งให้กับ SMEs ด้วยการให้แต้มต่อด้วยการการเข้าถึงแหล่งทุนและการสนับสนุนของรัฐ โดยสร้างคลัสเตอร์ SMEs กลุ่มอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ลดรายจ่าย และมีระบบ Data One ที่จะเชื่อมระบบการขอใบอนุญาตต่างๆเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องเดินทางไปหลายหน่วยงาน นอกจากนั้นจะตั้งกองทุนนวัตกรรมที่ให้เอกชนเป็นผู้บริหารเพื่อสนับสนุนด้านนวัตกรรมแก่ SMEs
“สิ่งที่เราจะกระทำโดยเร่งด่วน คือ การแขวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคกับการทำมาหากินของประชาชน 1,400 ฉบับ โดยออก พ.ร.ก.หนึ่งฉบับ พักการบังคับใช้กฎหมายและใบอนุญาตต่างๆที่จะนำไปสู่การจ่ายใต้โต๊ะและค่าธรรมเนียมที่สร้างความยากลำบากให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาทำมาหากินและเป็นนักรบทางเศรษฐกิจให้กับประเทศโดยเร็วที่สุด” นายสุพันธุ์ กล่าว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอนโยบายให้คนไทยทุกคนที่บรรลุนิติภาวะอายุ 20 ปีขึ้นไป มีวงเงินกู้ฉุกเฉินคนละ 50,000 บาท เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินของชีวิตตัวเองและครอบครัว หรือใช้เป็นทุนประกอบอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ตัวเอง รวมไปถึงใช้เป็นเงินปิดวงจรหนี้นอกระบบของตัวเองได้
“หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะจัดหาแหล่งเงินมาจัดทำโครงการเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่ประชาชนคนละ 50,000 บาท ผ่อนชำระคืนวันละ 150 บาท เป็นเวลา 365 วัน คิดเป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ย 54,750 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่เชื่อว่าผู้กู้สามารถผ่อนชำระได้ และทำให้ทุกคนมีเงินทุนประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ รวมถึงหยุดปัญหาหนี้นอกระบบของตนเองได้อีกทางหนึ่ง” นายอนุทิน กล่าว