ครม.รับทราบนโยบาย-แนวทางพัฒนา ‘สหกรณ์ฯ’ ระยะ 5 ปี หวังใช้เป็นกลไกพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 'นายกฯ'กำชับ หากพบการกระทำไม่สุจริต ต้องมีมาตรการลงโทษ
..........................................
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบนโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566- 2570) โดยเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งและเป็นองค์กรสมรรถนะสูงด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับนโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ระยะ 5 ปี ดังกล่าว ประกอบด้วย 6 นโยบายย่อย ได้แก่
1.พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการในสหกรณ์สู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้านเทคโนโลยี และสร้างวัฒนธรรม แห่งการเรียนรู้ในสหกรณ์
2.ส่งเสริมการขับเคลื่อนองค์กรและดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศ เช่น จัดหาและสนับสนุนระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านงานเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมกับบริบท ของแต่ละประเภทสหกรณ์ และพัฒนาหลักสูตรการวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ สำหรับบุคลากรสหกรณ์
3.ยกระดับศักยภาพและสมรรถนะการดำเนินธุรกิจตามลักษณะธุรกิจและประเภท ของสหกรณ์ เช่น (1) ธุรกิจด้านการเกษตร สนับสนุนองค์ความรู้เพื่อเพิ่มผลิตภาพและความหลากหลายของสินค้าเกษตร (2) ธุรกิจด้านการเงิน สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการเงิน สหกรณ์ ประเภทออมทรัพย์ และเครดิตยูเนี่ยน และ (3) ธุรกิจด้านการบริการ พัฒนาแพลตฟอร์ม และช่องทางการบริการสาหรับการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม
4.สร้างการเชื่อมโยงและร่วมมือกันทางธุรกิจและสังคมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เช่น ออกแบบโครงสร้างขบวนการสหกรณ์ให้มีความเชื่อมโยงด้านธุรกิจและการร่วมมือในการพัฒนา สหกรณ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม และควบรวมสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี
5.สร้างธรรมาภิบาลในขบวนการสหกรณ์ เช่น สนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ที่เน้นเรื่องการบริหารจัดการที่ดี และสร้างนวัตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงรุก ในสหกรณ์โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
6.ปรับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ขบวนการสหกรณ์และภาครัฐเพื่อให้ทันต่อ การเปลี่ยนแปลง เช่น ศึกษา วิจัย และพัฒนาเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน รวมถึง การวิเคราะห์สถานการณ์ในอนาคตของสหกรณแต่ละประเภทในด้านการบริหารจัดการ การดำเนินธุรกิจและการลงทุน
ทั้งนี้ สถานการณ์ทั่วไปของสหกรณ์ของไทย พบว่ามีสหกรณ์จำนวน 7,520 แห่ง และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์พบว่ามีปริมาณธุรกิจด้านการให้เงินกู้มากที่สุด ส่วนชุมนุมสหกรณ์มีจำนวน 135 แห่ง และมีแนวโน้มแนวโน้มลดลงเช่นกัน
นายอนุชา ยังกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ทั่วไปและสภาพเศรษฐกิจหลังการฟื้นตัวจากโควิด-19 พบว่า สหกรณ์ต้องเผชิญหน้าต่อความท้าทายต่างๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจหดตัว การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวในที่ประชุม ครม. นอกจากการพัฒนาสหกรณ์อย่างต่อเนื่องแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการเร่งแก้ปัญหาในกรณีที่พบการกระทำที่ไม่สุจริต ซึ่งต้องมีมาตรการลงโทษด้วย
อ่านประกอบ :
ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง! ‘คพช.’ไฟเขียวเพิ่มลักษณะต้องห้าม‘กก.สหกรณ์’-กสส.เร่งยกร่างระเบียบ
รอชงครม.ไฟเขียว! ดันร่างกฎกระทรวงกำกับ'สหกรณ์ฯ'ปล่อยกู้-คุมเพดาน'ดอกเบี้ย'รับฝาก
ห้ามคนนอกค้ำ-ลดต้นทุนเงินกู้! ‘กสส.’ แจงร่างกฎกระทรวงกำกับการเงิน ‘สหกรณ์ฯ’ ฉบับใหม่
เครดิตบูโรแจง ไม่มีการบังคับสหกรณ์ที่มีธุรกรรมสินเชื่อต้องเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโร
'บิ๊กตู่'เซ็นตั้ง‘คกก.แก้ปัญหาทุจริตสหกรณ์’-เร่ง'ติดตาม-ยึดทรัพย์'ที่ถูกยักยอก 5 พันล.
ป้องกันทุจริต! ‘มนัญญา’สั่งสอบทาน‘เงินฝาก’สหกรณ์ออมทรัพย์ฯทั่วปท. ให้เสร็จใน 3 เดือน