ป.ป.ช.ชี้มูล อดีตนายกเทศมนตรีเนินกุ่ม พิษณุโลก พร้อมพวกรวม 5 ราย เบิกจ่ายเงินดูงานปี 60 เป็นเท็จ 1.9 แสน ชี้ชัดอดีตนายกฯผิด 157 ไม่ยอมแก้ปัญหาทุจริต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อ นายสมยศ กาสี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดพิษณุโลก แถลงต่อสื่อมวลชนกรณี เรื่องกล่าวหาร้องเรียน นางสนม ชาชาวนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก กับพวก เบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงานผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาลลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เป็นเท็จ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า เทศบาลตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการ ศึกษาดูงานโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงาผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2560 ผู้เข้าร่วมโครงการ รวม 79 คน ภายในวงเงินงบประมาณ 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) กำหนดการ มีรายละเอียด ดังนี้
วันที่ 25 กันยายน 2560 จัดอบรมให้ความรู้ด้านวิชาการที่ห้องประชุมของสำนักงานเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ชั้น 3 กำหนดการจัดอบรม ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยภาคเช้าเป็นการบรรยายให้ความรู้เรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 และกระบวนการมีส่วนร่วมการสร้างความเข้มแข็งและการแก้ปัญหาความขัดแย้งในชุมชนภาคบ่ายเป็นการบรรยายเรื่องแนวคิด และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และวันที่ 26 – 27 กันยายน 2560 กำหนดให้เดินทางไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ ที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดจันทบุรี โดยมีการเบิกค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน 9 รายการ ดังนี้
1.ค่าอาหารวันอบรม (วันที่ 25 กันยายน 2560) จำนวน 1 มื้อ มื้อละ 75 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 5,925 บาท
2.ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มวันอบรม (วันที่ 25 กันยายน 2560) จำนวน 2 มื้อ มื้อละ 25 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 3,950 บาท
3.ค่าสมนาคุณวิทยากร จำนวน 6 ชั่วโมง ชั่วโมงละ 600 บาท เป็นเงิน 3,600 บาท
4.ค่าสมนาคุณในการดูงาน 2 แห่ง แห่งละ 1,500 บาท เป็นเงิน 3,000 บาท
5.ค่าอาหารวันศึกษาดูงาน 2 วัน วันละ 300 บาท จำนวน 79 คน เป็นเงิน 47,400 บาท
6.ค่าเช่าที่พัก จำนวน 1 คืน จำนวน 79 คน คนละ 750 บาทต่อคืน เป็นเงิน 59,250 บาท
7.ค่าจ้างเหมารถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2 คัน คันละ 35,000 บาท เป็นเงิน 70,000 บาท
8. ค่าวัสดุ เอกสาร ประกอบการฝึกอบรมและใช้ในโครงการ เป็นเงิน 1,580 บาท
9. ค่าป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ จำนวน 1 ป้าย เป็นเงิน 675 บาท
รวม 195,380 บาท (หนึ่งแสนเก้าหมื่นห้าพันสามร้อยแปดสิบบาทถ้วน)
จากการไต่สวนข้อเท็จจริง สรุปได้ว่าในการดำเนินการโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงาน ผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2560 นั้น มีการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าอาหาร ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ที่ใช้ในการอบรมในวันที่ 25 กันยายน 2560 เป็นเท็จ
เนื่องจากในวันที่ 25 กันยายน 2560 ไม่มีการแจกวัสดุอุปกรณ์ที่อ้างว่าจัดซื้อจากร้าน 99 เครื่องเขียน และไม่มีการจัดเลี้ยงอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม อีกทั้ง ไม่มีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และไม่มีการจัดจ้างประกอบอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม ตามที่ปรากฏ ในเอกสารประกอบการเบิกจ่ายจริง แต่เป็นการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายให้เชื่อว่ามีการจัดซื้อ จัดจ้าง ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินในโครงการฯ เพื่อขออนุมัติเบิกจ่ายเงิน ในโครงการฯ และเป็นการจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่าย และจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงินโครงการฯ ขึ้นล่วงหน้าก่อนที่จะมีการจัดอบรมการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เทศบาลตำบลเนินกุ่มได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วมีมติ ดังนี้
1.นางสนม ชาชาวนา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเนินกลุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา
ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
2.นายกันต์ชัย สนแย้ม ปลัดเทศบาลตำบลเนินกลุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายณัฐนนท์ วงชื่น เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา
ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ
และรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัยและการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 7 และข้อ 10
3.นางสาวมณีรัตน์ ปิตกาญจนกุล รองปลัดเทศบาลตำบลเนินกุ่ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา
ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ทำเอกสารรับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใด ได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ อันเป็นการทุจริต ต่อหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัย และการดำเนินการ ทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 7 และข้อ 10
4.นางสาวขวัญพัฒน์ ประจงสีละวัฒน์ หรือจันทะพาหะ นักจัดการงานทะเบียนและบัตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา
ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ รักษาประโยชน์ ของทาราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพิษณุโลก (ก.ท.จ.พิษณุโลก) เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับวินัย และการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2559 ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ข้อ 9 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง
5.นางสาวจรรย์ณธร เจริญภาพ พนักงานจ้างตามภารกิจ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6
ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป
โดยให้กันนางสาวสุพรรณิการ์ ตุ้มประสิทธิ์ พนักงานจ้างตามภารกิจ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 ไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดี ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ข้อ 13 วรรคหนึ่ง