ผบ.ตร.ส่งชุดเฉพาะกิจ นำโดย รองต่อศักดิ์ฯ ร่วมกับ ตำรวจภาค 2 เร่งตรวจสอบคดี สารซีเซียม 137 สูญหาย ย้ำดำเนินคดีผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทุกราย หวั่นผลกระทบต่อประชาชน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2566 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึง กรณี สารซีเซียม 137 สูญหายไปว่า คดีนี้ได้รับรายงานจากตำรวจว่า เมื่อ 7 มี.ค. 2566 เวลา 08.00 น. บริษัท เนชั่นแนล พาวเวอร์ แพลนท์ 5 เอ ตรวจพบว่าสารซีเซียม 137 สูญหายไปและ 10 มี.ค. 2566 ได้มาแจ้งความที่ สภ.ศรีมหาโพธิ ต่อมา 19 มี.ค. 2566 สำนักงานปรมณูเพื่อสันติ ได้ตรวจพบรังสีจากการหลอมของโรงงาน ที่ กบินทร์บุรี พื้นที่ สภ.ศรีมหาโพธิ พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 363/2566
ในความผิดฐาน 'ในกรณีที่เกิดอันตรายหรือเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการตามใบอนุญาต ผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ระงับเหตุเบื้องต้นตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี และต้องแจ้งเหตุดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที รวมทั้งต้องให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไข บรรเทาหรือระงับซึ่งอันตรายหรือความเสียหายนั้น' ตาม พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ฯ มาตรา 100, 126 และ 143 คดีอยู่ระหว่างสอบสวนและร่วมประชุมกับคณะกรรมการจังหวัด เพื่อเรียก บริษัทฯ มาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมาย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการเพิ่มเติมให้สืบสวนสอบสวนทุกมิติทั้งประเด็น การสูญหายได้อย่างไร มีใครลักลอบเอาออกไป รวมทั้งแหล่งรับซื้อ การส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม มีใครต้องร่วมรับผิด รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยมอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจ ตร. มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปทส.ตร.) รับผิดชอบ โดยให้พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) ตรวจสอบร่วมกับ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) พิสูจน์หลักฐาน และ กรมควบคุมมลพิษ ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ดำเนินการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีเอาผิด กับบุคคลที่กระทำผิดในกรณีนี้ ให้ครบทุกมิติ
โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประเด็นสารซีเซียม 137 สูญหาย ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการแก้ปัญหา จึงได้ส่งชุดเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจพื้นที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้องไขข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอเวลาตำรวจทำงาน ยืนยันจะเร่งทำความจริงให้ปรากฎ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป