มูลนิธิสืบนาคะสเถียร ยื่นแถลงการณ์ฉบับที่ 2 จี้ ทส.สอบเส้นทางการเงิน ปมอธิบดีกรมอุทยานฯ ทวงถามความคืบหน้าคืนความชอบธรรมให้บุคลากร ด้านรักษาการอธิบดี ยัน 3 เดือนเห็นผลโครงสร้าง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 นายภานุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เข้ายื่นคำแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ต่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทวงถามความคืบหน้าการคืนความชอบธรรมให้บุคลากร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรียกรับสินบน ของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานฯ โดยมีนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดทส. เป็นผู้รับแถลงการณ์
นายภานุเดช กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับสินบนแลกกับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาตามที่สื่อได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ทางมูลนิธิสิบนาคะเสถียรได้ออกแถลงการณ์ "คืนความชอบให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งระยะเวลาล่วงเลยเกือบ 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีความชัดเจน จึงทําให้คาดขาดความเชื่อมั่น
ในวันนี้จึงได้นําคําแถลงการณ์ฉบับที่ 2 มายื่นเพิ่ม เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
-
ควรมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการที่ทุจริตเรียกรับสินบนในทุกระดับชั้น โดยเฉพาะผู้ปรากฏรายชื่ออยู่บนจ่าหน้าซองที่พบภายในห้องอธิบดีกรมอุทยานฯ และควรโยกย้ายเจ้าหน้าที่ภาคสนาม เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใส
-
ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดแถลงความคืบหน้าการสอบสวนต่อเนื่องทุกสัปดาห์
-
ขอให้กรมอุยานฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และรัฐบาล คืนความชอบธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ ที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม และเร่งดําเนินการจัดทําโครงสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ โดยบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ยังได้ร้องขอให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินขบวนการทุจริตเรียกรับสินบนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในทุกลำดับชั้น และควรโยกย้าย เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใส ,ขอให้แถลงความคืบหน้าทุกสัปดาห์,ขอให้มีการชี้แจงความคืบหน้าในการคืนความชอบธรรมให้แก่บุคลากรของกรมอุทยานฯ ที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม และเร่งดำเนินการจัดทำโครงสร้างเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) ให้การบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งระบุถึงโครงสร้างการบริหารงานของกรมฯ มีงบประมาณ ไม่สอดคล้องกับภารกิจพิทักษ์ ปกป้องรักษาผืนป่าและสัตว์ป่า ซึ่งหากมีงบประมาณที่เหมาะสม ย้อมส่งผลต่อการดำเนินงานและเป็นขวัญใจต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่
ทางด้าน น.ส.รุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์และพันธุ์พืช กล่าวว่า หลังเกิดคดีขึ้นได้ตรวจสอบทุกพื้นที่ และพบว่ามีบางพื้นที่ มีมูลต้องสงสัย แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนความคืบคดี ยังอยู่การสืบสวนสอบสวน ของ ปปป. หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น ทางกรม จะนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาทางวินัยของ ทุกคน ทุกหน่วยงาน ที่พบว่าเกี่นยวข้องกับขบวนการทุจริต หรือ เงินสินบน
ส่วนการจัดทำโครงสร้าง Career Path นางรุ่งนภา กล่าวว่า กรมอุทยานฯ มีแผนงานตรงนี้อยู่แล้ว แต่อาจต้องเพิ่มเนื้อหาข้อมูลบางส่วนเพื่อให้โครงสร้างฯ มีประสิทธิภาพ และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ พนักงานของกรมอุทยานฯ ที่ทำงานอยู่ทุกแห่งหนได้มีหลักประกันความเติบโตของหน้าที่การงาน ซึ่งภายใน 3 เดือนจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นพยานในคดีบางคน การกล่าวอ้างว่า เงินในซองเป็นเงิน บูชา พระบรมรูป ร.5 เป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน หรือเงิน ส่วนบุคคล นางสาวรุ่งนภา ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นเป็นการระดมทุน บูชา พระบรมรูป ร.5 เพื่อนำเงินเข้ากองทุนสวัสดิการกรมอุทยาน แต่ประเด็นที่มาของเงิน ยังไม่มีการตรวจสอบภายใน เพราะเห็นว่า การตรวจสอบที่มาของเงิน อยู่ในความดูแลของ ปปป. แล้ว ซึ่งภายหลังที่ ปปป. สอบสวน ตรวจสอบครงถ้วน ทางกรม ก็จะได้ความชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย ส่วนการโยกย้าย บุคคล ที่มีชื่อปรากฏบนซอง ยังไม่มีการพิจารณา เพราะขณะนี้ทุกคนอยู่ในฐานะพยานในคดี