รมว.ยุติธรรม ยืนยัน 'พาลีปราบยา' ทำงานจริงจัง มีผลงานอายัดทรัพย์ถึง 11,003 ล้านบาท ตั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นที่ปรึกษา สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน สั่งรื้อ 'คดีชบา' และตั้งชุดติดตาม 'ชมพู บ้วนหลี'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษเพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด หรือพาลีปราบยา มีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯ และคณะพาลีปราบยา เข้าร่วมที่กระทรวงยุติธรรม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องชุดพาลีปราบยามีการพูดกันว่า ชุดนี้ทำงานไม่จริงเมื่อมีการเข้าตรวจสอบแล้วก็ถอย ไม่มีการอายัดทรัพย์ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะชุดพาลีปราบยาตนผลักดันให้มีเพื่อมาติดตามดูธุรกรรมทางการเงิน และค้นหาทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เพื่อรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ที่เน้นเรื่องการยึดอายัดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด จึงมีการตั้งชุดนี้มา เพื่อสืบทรัพย์ และก็ทำให้ในปีที่ผ่านมา สามารถยึดอายัดได้ถึง 11,003 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ชุดพาลีปราบยาในส่วนของดีเอสไอ ได้รายงานภาพรวมว่า ช่วงที่ผ่านมามีการสอบสวนคดีถึง 7 คดี และเรื่องสืบสวน จำนวน 2 เรื่อง จนสามารถยึดอายัดทรัพย์ ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 832 ล้านบาท ส่งให้คณะการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อให้ ป.ป.ส.ยึดอายัดสมคบยาเสพติด จำนวน 406 ล้านบาท และปัจจุบันยึดอายัดไว้อีก 1,013 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีคดีตู้ห่าว ร่วมยึดอายัดทรัพย์อีก 3,189 ล้านบาท จึงจะเห็นได้ว่า มีการทำงานแบบบูรณาการอย่างแท้จริง
“และจากที่สังคมเกิดข้อครหา รวมถึงไม่กล้าแจ้งเบาะแสยาเสพติด ผมจึงแต่งตั้งนายชูวิทย์ ให้เป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการชุดนี้ เพื่อให้ช่วยเข้ามาติดตามการทำงานของคณะพาลีปราบยา และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ติวเข้มให้เจ้าหน้าที่ เพื่อทำให้สังคมเกิดความสบายใจได้ว่า มีการทำงานกันอย่างจริงจัง โดยมีนายชูวิทย์ เป็นหูเป็นตา ซึ่งก็จะยิ่งทำให้ประชาชนเชื่อมั่น และช่วยกันแจ้งเบาะแสยาเสพติดมากขึ้น” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า คดีเครือข่ายชบา หรือที่เกี่ยวข้องกับประธานสโมสรฟุตบอล ตนได้รับรายงานว่า อัยการสั่งไม่ฟ้อง จึงให้แนวทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้นำคดีกลับมาทำใหม่ได้หรือไม่ เพราะอาจมีข้อมูลใหม่ รวมถึงเผื่อมีใครไปรับเงินเขามาก็จะสามารถตามไปยึดได้ เพื่อทำให้สังคมหมดความสงสัยจึงอยากให้นำคดีกลับมาทำใหม่
ซึ่งก็ตรงกับที่อัยการให้ความเห็นไว้ว่า ให้ดีเอสไอหาความผิดอื่น เพราะในสำนวนผู้ต้องหาไม่ได้สมคบ แต่รับว่า ทำพนันออนไลน์ ทำให้คดีนี้จะเดินต่อไปได้ โดยเรื่องนี้ดีเอสไอรับทราบดำเนินการแล้ว ส่วนการนำคดีมาทำใหม่ ตนได้มอบหมายให้หาผู้รับผิดชอบภายในวันที่ 13 ม.ค. 2566 เพื่อทำเป็นคดีตัวอย่าง คนที่ร้องจะได้รู้ว่า เรากำลังเรียนรู้กับกฎหมายใหม่ รวมถึงที่มีการกล่าวอ้างว่า มีการเรียกรับสินบน ก็จะมีการประสานไปยังคนร้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วย
นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งให้ติดตามความคืบหน้าคดีชมพู บ้วนหลี ที่เกิดตั้งแต่ปี 2563 แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้า จึงสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อทำให้สังคมทราบว่า มีตัวเลขยึดทรัพย์เครือข่ายนี้เท่าไหร่แล้ว โดยให้เวลาสรุปผลภายใน 1 เดือน
ขณะที่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่รัฐมนตรีสมศักดิ์ มีวาระดำรงตำแหน่งอีกไม่นาน ซึ่งพอตนเข้ามาเห็นการทำงานแบบนี้ ก็รู้สึกเสียดายที่เป็นคนทำงานจริงจังจนคดีมีความคืบหน้า แต่ถ้ารัฐมนตรีสมศักดิ์ไม่อยู่ก็อยากฝากเจ้าหน้าที่ทุกท่านว่า ปัญหาของเรื่องทุนจีนเทาที่ยึดทรัพย์ได้น้อย เป็นเพราะมีการทำงานที่ล่าช้าจนมีการโยกทรัพย์หนีไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากที่ไม่สามารถยึดเงินสดตู้ห่าวได้เลย รวมถึงทำให้ปัจจุบันตู้ห่าวก็ยังไม่ถูกแจ้งข้อหาฟอกเงิน จะมีเพียงลูกทีมเท่านั้นที่โดน นอกจากนี้การที่กลุ่มจีนสีเทาได้ประกันตัว พยานในคดีนี้ก็เริ่มหวั่นไหว เพราะเริ่มมีการวิ่งหาพยาน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องมีการทำงานที่เร็วกว่ากลุ่มจีนสีเทา