ครม.รับทราบผลประเมินการใช้จ่ายเงินกู้ ‘พ.ร.ก.โควิดฯ’ 1 ล้านล้าน สุ่มตรวจ 100 โครงการ พบผลดำเนินการอยู่ในระดับ ‘ดี-ดีมาก’ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2.9 ล้านล้าน
.......................................
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 (พ.ร.ก.เงินกู้ฯ 1 ล้านล้านบาท) ครั้งที่ 2 ในรอบ 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค.2565)
โดยผลการประเมินปรากฏว่า โครงการหรือแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จและสุ่มตัวอย่างเพื่อประเมินผลจำนวน 100 โครงการ กรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติ 898,092.12 ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายรวม 877,766.71 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97.73% ของกรอบวงเงินที่อนุมัติ นั้น มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจ 2,916,074.47 ล้านบาท และมีรายได้กลับคืนภาครัฐ 562,869.84 ล้านบาท หรือเกิดความคุ้มค่า 3.55 เท่า โดยมีรายละเอียด ดังนี้
แผนงานที่ 1 แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งสุ่มประเมินผลใน 26 โครงการ กรอบวงเงินรวม 55,086.52 ล้านบาท และมีเบิกจ่ายรวม 51,046.76 ล้านบาท หรือคิดเป็น 92.66% ของกรอบวงเงิน เช่น โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโควิด-19 ในชุมชน และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มเติม 35 ล้านโดส นั้น
พบว่ามีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 63,559.74 ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐจากการจัดเก็บภาษี 12,267.03 ล้านบาท เกิดความคุ้มค่าหรือมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ 4.65 เท่า และมีผลกระทบทางสังคมที่สำคัญ คือ เพิ่มความสามารถด้านระบบสาธารณสุขในการรองรับผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เป็นต้น
แผนงานที่ 2 แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับ ภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งสุ่มประเมินผลใน 17 โครงการ กรอบวงเงินรวม 669,688.03 ล้านบาท มีผลเบิกจ่ายรวม 667,393.81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99.65% ของกรอบวงเงินฯ เช่น โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นั้น
พบว่าผลการประเมินอยู่ในระดับดี ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 2,156,189.28 ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐจากการจัดเก็บภาษี 416,212 ล้านบาท เกิดความคุ้มค่าหรือมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ 3.23 เท่า และมีผลกระทบทางสังคมที่สำคัญ คือ เพิ่มความสามารถในการรักษาสภาพคล่อง ชะลอการเกิดหนี้เสียของภาคธุรกิจ รักษาการจ้างงานของภาคธุรกิจและระบบเศรษฐกิจและสังคมรักษาหรือชดเชยรายได้ให้กับประชาชนและเกษตรกร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะ เช่น ควรเพิ่มบทลงโทษกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ และการมีระบบ ฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์และการปรับปรุงฐานข้อมูลให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน
แผนงานที่ 3 แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ ‘โคก หนอง นา โมเดล’ และโครงการคนละครึ่ง เป็นต้น พบว่ามีผลการประเมินอยู่ในระดับดี ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ 696,325.45 ล้านบาท มีรายได้ที่คาดว่ารัฐจะได้รับจากการจัดเก็บภาษี 134, 390.81 ล้านบาท เกิดความคุ้มค่าหรือมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ 3.55 เท่า
อีกทั้งมีผลกระทบทางสังคมที่สำคัญ คือ ลดการว่างงาน การเลิกจ้างงาน สร้างงาน สร้างอาชีพ ประชาชนได้รับการฝึกอบรมด้านเกษตร ด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เกิดแปลงต้นแบบเพื่อการเรียนรู้ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ และมีการพัฒนาแหล่งน้ำกักเก็บน้ำและระบบชลประทาน รวมทั้งเกิดฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ใช้วิเคราะห์เชิงลึกเพื่อออกแบบนโยบายทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายใต้แผนงานที่ 3 ดังกล่าว มีข้อเสนอแนะ เช่น ควรพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมจำนวนมาก และให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยของระบบเทคโนโลยี และการปกป้องข้อมูลของประชาชน เป็นต้น