‘ทักษิณ ชินวัตร’ ปล่อยคลิปเนื่องในวันเกิด 26 ก.ค. 65 อายุครบ 73 ปี พูดถึงชีวิต เปรยเป็นคนโง่ไม่เข้ากลุ่มชนชั้นนำไปเอาดีการเมือง ขอใช้ชีวิตแคร์คนที่รัก-รักเรา ไม่หวังดันเจนหลานขึ้นเวทีการเมือง รับอยากกลับบ้านเพราะสงสาร ‘หญิงอ้อ’ ก่อนทิ้งท้ายจารึกชีวิตเป็นอมตะ ไม่เผาร่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านคลิปวิดีโอ ‘Long Distance Call’ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Oak Panthongtae Shinawatra’ ของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย และ Youtube Channel ‘Thaksin Official’ ความยาว 14.40 นาที โดยมีคำโปรยใน Youtube ว่า เวลาคิดถึง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ สังคมไทยคิดถึงอะไร ? “นายกรัฐมนตรี”, “นักธุรกิจ”, “ผู้ลี้ภัย”, “คุณพ่อ”, “คุณตา” ฯลฯ
ท่ามกลางคำตอบหลากมิติ-หลายทัศนะ ขออาศัยวาระวันครบรอบวันเกิด ‘26 ก.ค.2565’ (73ปี) เพื่อตอบคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่ผมตกผลึก หลังใช้ชีวิตมาเกิน 7 ทศวรรษ ผมมองอนาคตตัวเองอย่างไร กระทั่งพินัยกรรมที่ผมบอกครอบครัว
‘โง่’ เรื่องชนชั้นนำ
นายทักษิณ เริ่มตอบคำถามที่ว่า มีแผลในใจบ้างหรือไม่จากการถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ชีวิตที่ผ่านมา ความโง่มาก่อนความฉลาด ช่วงที่รู้สึกโง่ที่สุดคือ โง่เรื่องคน ตัวเองเป็นคนบ้านนอก เป็นคนง่ายๆ มาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตก้าวกระโดด และผ่านสังคมกรุงเทพฯน้อยไป ผ่านสังคม Elite (ชนชั้นนำ) น้อยไป ถึงแม้จะอยู่ในฐานะนั้น แต่แทนที่จะเข้าไปคบกับสังคมนั้น ดันไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง จุดนี้ต้องต่อว่าตัวเองว่า ยังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า ไม่เข้าใจ แล้วถูกปล่อยเข้าไป คนอื่นเซย์เยสมีโน แต่ตัวเอง เยสคือเยส โนคือโน เจอเยสคือโนเข้าไปก็ตายแล้ว เพราะคิดว่าทุกคนเหมือนเรา ชีวิตเราธรรมดามาก แต่คนในสังคมชั้นสูง ยิ่งเป็นนานๆ ยิ่งลึกลับซับซ้อน
“ตอนนี้ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว (การเป็นชนชั้นนำ) แก่แล้ว ไปสอนหนังสือดีกว่า ไปอบรมลูกหลาน” นายทักษิณระบุ
รู้ใครลอบสังหาร 4 ครั้ง
เมื่อถามว่าในระหว่างบรรทัด เหมือนรู้สึกเจ็บปวดมากๆอยู่ นายทักษิณตอบว่า ไม่ได้ถึงขนาดนั้น แค่เสียดายตัวเองที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากกว่านี้ ไม่เคนกลัวตาย ถูกลอบสังหาร 4 ครั้ง รู้สึกเฉยๆ ส่วนตัวถือว่า ถ้าคนจะตาย มันก็ต้องตาย ยังไม่ตายก็ไม่ตาย
กับคำถามว่า ทั้ง 4 ครั้งที่ถูกลอบสังหารจะให้อภัยหรือไม่นั้น ก็ไม่รู้เพราะอะไร ส่วนตัวไม่เชื่อชาตินี้ชาติหน้า ไม่รู้ว่าเป็นกรรมเวรอะไร แต่ไม่ได้เกิดลอยๆ ส่วนตัวและครอบครัวรู้หมดว่าใครทำ เพราะเราไม่อยากให้เขาไปเจอคนที่คิดไม่ดีกับเรา เมื่อเจอแล้วก็ต้องระวังตัว
แคร์ลูก-ครอบครัว-คนที่รัก
ผู้ดำเนินรายการถามว่า อีก 20-30 ปี แคร์หรือไม่ว่า วิสัยทัศน์ในอนาคตที่วางไว้ อาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ทันเห็น นายทักษิณระบุว่า แน่นอน ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ พระเจ้าจะเอาชีวิตไปเมื่อไหร่ แต่ในช่วงที่อยู่ก็ทำประโยชน์ให้คนที่เรารักและรักเรา ส่วนคนที่ไม่รัก จะทำให้รักมันยาก คนที่รักก็อย่าทำให้ผิดหวัง ส่วนที่เฉยๆ ก็ทำให้เข้าใจ ทุกวันนี้อยู่เมืองนอก กลับประเทศก็ไม่ได้ แต่ยังมีคนที่รัก โดยเฉพาะลูก (นายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร) มันก็อยากให้พวกเขาไม่ลำบากเหมือนเรา
ตอนที่สร้างตัวเอง ก็เน้นเรื่องงาน เพราะทุกอย่างบีบคั้นโดยเฉพาะเรื่องเงิน แต่เวลาขอกำลังใจจะอยู่กับครอบครัวตลอด ทำอย่างนี้ตั้งแต่ลำบาก เมื่อเครียดจะคิดจนตกผลึกก็จะไปคุยกับคุณหญิง (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) บางที่ยังถูกดุว่า ทำไมไม่พูดออกมา พอพูดออกมา คุณหญิงก็ช่วยคิดช่วยไปกู้ให้ด้วยในช่วงที่ลำบาก
“วันศุกร์เย็นๆ พาครอบครัวไปพัทยา สมัยก่อนไปหมดประมาณ 10,000 บาท ไปพักผ่อน ลืมเรื่องเครียดๆทุกข์ๆหน่อย ไปว่ายน้ำ เล่นกับลูก กินอาหารทะเล ก็ทำให้ลืมไปได้ กลับมาบ้านวันอาทิตย์ก็คิดแล้วว่า จะทำอะไรต่อ วันจันทร์ก็ลุยใหม่ อย่างผมอยู่เมืองนอกก็ยังโทรกลับบ้านทุกวัน ลูกบ้าง คุณหญิงบ้าง บางครั้งก็ต้องวิดีโอคอลกับหลานหน่อย กลัวหลานลืม (หัวเราะ)” นายทักษิณกล่าว
สงสาร ‘พจมาน’ - ตายไม่เผา
นายทักษิณกล่าวอีกว่า การเมืองเป็น Zero sum Game ถ้าเราสุข เขาจะทุกข์ ถ้าเราทุกข์ เขาจะสุข ทำไมต้องเป็นทุกข์ให้เขาสุข และทำไมต้องเป็นสุขให้เขาทุกข์ เวลาเจอหน้าสัมภาษณ์ตนทีไร ก็ไม่ทุกข์ 16 ปี (รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549) แล้ว ไม่ทุกข์ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่รักเราจะได้มีความสุข
และเมื่อถูกถามว่า เมื่อมองในกระจกเห็นใครบ้าง นายทักษิณตอบว่า เห็นคุณหญิง ตนสงสารคุณหญิง ที่ตัดสินใจกลับเพราะคุณหญิงรับภาระเยอะ สงสารคุณหญิง ส่วนที่ถามย้ำว่า เมื่อกลับมา จะเปลี่ยนความรู้สึกสงสารออกจากใจได้หรือไม่ นายทักษิณระบุว่า เมื่อได้กลับไปอยู่กับครอบครัวมันก็จบทุกอย่าง เมื่อกลับไปก็ต้องทำร่างกายให้แข็งแรงเพื่อทดแทนวันเวลาที่หายไป อาจจะต้องเล่นกับเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะไม่อาจเดินทางได้เยอะเหมือนก่อน และเพื่อไม่ให้ตัวเองบกพร่อง
“กับหลานเนี่ย ได้ทำเทคโนโลยีทิ้งไว้ให้ สามารถกำหนดเวลาและสถานที่ เพื่อบอกว่า วันที่นั้น เวลานั้น ที่ตรงนั้น จะได้เห็นภาพและเสียงผมอวยพรวันเกิดเขาทุกปีเผื่อไว้ ส่วนจะให้หลานเข้ามานำประเทศช่วยประเทศนั้น ไม่ เขาคิดเองเป็น เราต้องการให้เราอยู่กับเขา รักและห่วงใยเขา มีกำลังใจ เหมือนมีตนอยู่ด้วยตลอด และผมสั่งครอบครัวไว้ว่า ตายไม่เผา ให้เก็บร่างไว้ นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ชีวิตของผมเป็นอมตะของครอบครัวและลูกหลาน” นายทักษิณระบุตอนหนึ่ง
ลูกเผยความในใจ
ทั้งนี้ ลูกทั้ง 3 ของนายทักษิณ ประกอยด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่างโพสต์แชร์คลิปดังกล่าวพร้อมข้อความลงใน Social Media ส่วนตัว
โดยนายพานทองแท้ โพสต์แชร์ทางเฟซบุ๊ก ‘Oak Panthongtae Shinawatra’ ว่า คลิปนี้เปรียบเสมือน จุดเริ่มต้นของบันทึกความทรงจำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งอายุครบ 73 ปีในวันนี้ (26 ก.ค. 65)
โดยคลิปจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆของคุณพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) ในหลากหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี นักธุรกิจ ผู้ลี้ภัย คุณพ่อ และคุณตา ซึ่งในอนาคตคนรุ่นลูกรุ่นหลาน จะสามารถย้อนกลับมาดูได้ว่า ใครคือผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศที่แท้จริง ผ่านแพลตฟอร์มสมัยใหม่ต่างๆ ที่จะทำขึ้นต่อจากคลิปนี้
เคยมีคำกล่าวเดิมๆบอกไว้ว่า คนชนะคือผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์ ในยุคปัจจุบันนี้อาจไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะคนที่ชนะด้วยการปล้นประชาธิปไตยจากประชาชน ได้พยายามเขียนประวัติศาสตร์ และยัดเยียดความผิด ให้กับคุณพ่อผมซึ่งถูกปล้นอำนาจบริหารประเทศไป โดยพยายามมา 16 ปี ผ่านการรัฐประหาร 2 ครั้งแล้ว ยังลบความทรงจำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จากใจของประชาชนไม่ได้ หวังว่าพี่น้องคงจะได้ประโยชน์จากการชมคลิปนี้ ได้ร่วมระลึกถึงและร่วมอวยพรวันเกิดคุณพ่อไปพร้อมกัน สุขสันต์วันเกิดครับพ่อ
ด้านบุตรสาวคนกลาง น.ส.พินทอง โพสต์ผ่าน Instagram ว่า Happy Birthday คุณพ่อผู้เป็นบุคคลต้นแบบของพวกเรา เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต เป็นผู้ให้พลังบวกและความรักความอบอุ่นพวกเราทุกๆคนเสมอ
คุณพ่อมักจะพูดเสมอว่า ‘ชีวิตต้องดำเนินต่อ คนที่รักจะได้มีความสุขไปด้วย’ คุณพ่อคิดถึงผู้อื่นก่อนตัวคุณพ่อเสมอทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวัน จำได้ในทุกความชอบของทุกๆคนลูกถึงหลานทุกคน สุดยอดคุณพ่อและคุณตาตาจริงๆ
ของขวัญวันเกิดปีนี้พวกเราทำคลิปบทสัมภาษณ์ให้คุณพ่อ ตั้งใจอยากถ่ายทอดความรักและความอบอุ่นในฐานะนักสู้ที่เต็มไปด้วยพลังบวกและความอบอุ่นของพวกเรา ขอฝากคลิปนี้ไว้ด้วย อยากให้หลาย ๆ ท่านเห็นอีกมุมของคุณพ่อที่มาพร้อมพลังบวกในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข
และปิดท้ายด้วยบุตรสาวคนเล็ก น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความและรูปภาพผ่าน Instagram ว่า พูดเสมอว่าตัวเองเป็น Daddy’s girl ของคุณพ่อตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน คุณพ่อเป็นกำลังใจสำคัญเป็น Superman ของทั้งลูกและหลานๆ เป็นศูนย์รวมจิตใจของครอบครัว อยากบอกคุณพ่อว่า ครอบครัวเราแข็งแรงด้วยความรักเพราะความรักและความอบอุ่นจากคุณพ่อ ขอบคุณที่เสียสละทำเพื่อครอบครัวเสมอค่ะ