‘ชนก ส.ส.เพื่อไทย’ อัด ‘ชัยวุฒิ รมว.ดีอีเอส’ ปมชู้สาว ส่อไม่มีคุณสมบัตินั่งเป็นรัฐมนตรี ถูกประท้วงวุ่น ด้าน ‘ชัยวุฒิ’ โต้ไปไกลและมาตรฐานต่ำ เตือนจะถูกฟ้องได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 11 คน ตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านเสนอ ภายใต้ยุทธการณ์ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.2565
น.ส.ชนก จันทร์ทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในกรณีที่มีพฤติกรรมชู้สาว ไม่มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีว่า นายชัยวุฒิมีชีวิตคู่กับภรรยาอย่างยาวนาน แต่เมื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป และได้เชิดหน้าชูตาหญิงอื่นเยี่ยงและเหนือกว่าภรรยาตนเอง รวมถึงทำร้ายจิตใจภรรยาอย่างรุนแรง ซึ่งในที่สุดมีการหย่าร้างกัน จากจุดนี้ ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝั่งรัฐบาลลุกขึ้นประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ในฐานะประธานในที่ประชุมได้วินิจฉัยว่า เรื่องดังกล่าวแม้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็อยู่ในญัตติที่เสนอมาก่อนหน้านี้ จึงให้ น.ส.ชนก อภิปรายต่อไป
น.ส.ชนกอภิปรายต่อว่า การกระทำนี้ขัดกับสิ่งที่รัฐบาลได้ออกประกาศประมวลจริยธรรมของข้าราชการทางการเมือง 2564 เมื่อ 11 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงมาก ไม่ว่าจะคู่สมรสหรือบุคคลข้างกายต้องใช้มาตรฐานทางจริยธรรมนี้เช่นกัน ซึ่งนายชัยวุฒิกระทำขัดข้อ 10 ดังนั้น ไม่อาจไว้วางใจนายชัยวุฒิได้ เนื่องจากกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงไม่อาจไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ ไม่มีคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี จึงอดสงสัยไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จะมีการเอื้อประโยชน์ในกระทรวงหรือไม่ ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้ โดยกล่าวยืนยันว่า ทั้งภาพและข้อมูลที่นำมาอภิปรายจะขอรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะการพูดกันครั้งนี้ คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อให้พี่น้องประชาชนและเพื่อนสมาชิกได้ร่วมกันพิจารณาว่านายชัยวุฒิเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ จึงมิอาจจะไว้วางใจนายชัยวุฒิบริหารประเทศต่อไปได้
และก่อนจบการอภิปราย น.ส.ชนกได้อ่านกลอนกลอนว่า ‘อันตัณหาราคะนั้น แสนสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชา หาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียว มันเกี่ยวกวน’
จวกกลับ มาตรฐานต่ำ
ด้านนายชัยวุฒิ ชี้แจงว่า ของไม่จริง ไม่มีอะไรต้องกลัว การอภิปรายเรื่องนี้ไปไกลมาก และมาตรฐานต่ำ มีเรื่องให้พูดจำนวนมาก หากพูดเรื่องต่ำ คนพูดก็จะต่ำไปด้วย และผู้ที่ให้ข้อมูลแก่ท่านนั้นไม่ได้หวังดีต่อผู้อภิปราย และนอกจากภาพไม่ดี ก็จะมีคดีติดตัว โดยเฉพาะคดีหมิ่นประมาท โดยท่านไปฟังคนอื่นพูด มโนไปอย่างนั้นอย่างนี้ และนำมาพูดในสภาฯ ข้อเท็จจริงไม่มี สุดท้ายจะสู้ในศาล ซึ่งไม่ใช่ผมฟ้อง โดยผู้เสียหายจะฟ้องร้องท่าน
“บอกเลยคนที่เอาเรื่องนี้ให้ท่านพูด ไม่ได้หวังดีกับท่าน เพราะทำให้ภาพท่านดูไม่ดีแน่นอน ทุกคนถ้ารู้จักผม จะรู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร คุณไม่รู้จักผมอย่ามาอภิปรายในเรื่องส่วนตัวของผม ไปฟังคนนั้นคนนี้พูดมา มันไม่ใช่” นายชัยวุฒิระบุ
นายชัยวุฒิ ยังชี้แจงเรื่องการทำงานด้วยว่า เพื่อนและคนรู้จักมาช่วยกันทำงานหลายคน มีประสบการณ์ในแต่ละด้าน มีความรู้ความชำนาญด้านเทเลคอม หรือ ด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้มาช่วยงานในแต่ละกระทรวงในลักษณะนี้และจะมีประโยชน์ หากคนเหล่านี้เข้าไปสร้างประโยชน์ในองค์กรได้ จนกว่าจะมีการทุจริต หรือหากมีการทุจริตก็ไปดำเนินการฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช.ซึ่งการอภิปรายไม่ได้มีข้อเท็จจริง หรือความเสียหาย ต่อการทำงานของตนเองแต่อย่างใด เนื่องจากคนที่รู้จักกันและเพื่อนที่มาเป็นที่ปรึกษาในการทำงานในด้านต่าง ๆ ก็เพื่อให้งานเดินหน้า
ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้างโครงการดิจิทัลชุมชน เกิดขึ้นก่อนที่ตนเองเข้ารับตำแหน่งในปี 2563-2564 แต่โครงการดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วและมีการฟ้องร้องกันอยู่ในระดับกระทรวง ซึ่งก็จะตรวจสอบในพื้นที่ที่มีความเสียหายต่อไปและจะนำมารายงานต่อสภาฯและสื่อมวลชนต่อไป