ทีมที่ปรึกษา-โฆษกกทม. ประเมิน 1 เดือน ผู้ว่ากทม. ยังมีรอยต่อการทำงานกับราชการ ‘ต่อศักดิ์’ จ่อปรับระบบทำงานในเดือนที่ 2 ใหม่ ให้เข้ากับระบบราชการมากขึ้น กำชับฝ่ายการเมืองคุมงาน-มอบหมายให้ชัด ก่อนย้ำนโยบายผู้ว่าสัญจร ลงครบทุกเขต ภายในปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และโฆษกกทม. เปิดเผยว่า จากการแถลง ‘30 วัน กทม. สร้างความร่วมมือทุกมิติ โปร่งใสสำหรับทุกคน’ ปัญหาที่ยังพบเจอตลอด 1 เดือนคือ การประสานงานและระบบจัดการ เพราะยังมีระบบราชการเดิมๆอยู่ ซึ่งแม้ข้าราขการจะทำงานเต็มที่มากๆ แต่ถือว่ายังมีความยากในการประสานงานอยู่
ด้านนายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ส่วนตัวเห็นว่าปัญหาสำคัญคือ เหลืองบประมาณในการบริหารจัดการน้อยและกระบวนการต่างๆอยู่ช่วงปลายงบประมาณมาก เพราะในการบริหารรัฐกิจ จำเป็นต้องใช้งบประมาณ ดังนั้น ในช่วงแรกๆ เราจึงไม่ได้ใช้งบประมาณมากนัก
ต่อมา การเชื่อมนโยบาย ซึ่งในการบริหารรัฐกิจ ต้องนำนโยบายมาบรรจุเป็นแผน แล้วตั้งกระบวนการใช้งบประมาณ ดังนั้น เดือนแรกนี้ จึงเสียเวลาไปกับการเชื่อมโยงนโยบายของผู้ว่าฯ ไปเชื่อมโยงในแผนของกทม. ทั้งแผนยุทธศาสตร์ 7 เรื่องด้วย อันนี้คือความยากที่พบ
หลังจากเชื่อมต่อนโยบายได้แล้ว การตั้งงบประมาณก็ทำไม่ทัน ผู้ว่ากทม.จึงยกให้ประชาชนช่วยดูให้ ช่วยกันตรวจสอบว่าอะไรเป็นประโยชน์กับประชาชน เมื่อได้เงินได้ยุทธศาสตร์แล้ว การขับเคลื่อนจะเป็นปัจจัยต่อมา นายชัชชาติจะไม่แตะไปที่โครงสร้างการบริหาร แต่จะเก็บเรื่องต่างๆ ยกให้ฝ่ายบริหารจัดการไปปฏิบัติ ผู้ว่าจะนั่งหัวโต๊ะดูการจัดการภายนอก การจัดการภายในจะยกให้ฝ่ายบริหารไปทำ ซึ่งต้องอธิบายให้ราชการเข้าใจ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะข้าราชการมองอะไรเป็นกล่องๆ แยกส่วนกัน แต่ก็ได้เริ่มแล้วใน 1 เดือนที่ผ่านมา
“เดือนนึงเนี่ยเราทำแล้ว รอปรับหน้าที่การงานกระบวนการต่างๆ และทอนงานต่างๆจากผู้ว่าฯให้ ลงไปในระดับปลัด กทม. แจกจ่ายลงไปถึงรองปลัดฯ ก็ไล่ไปตามท่อ โดยเอาความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ตรงนี้อาจจะยากหน่อย แต่ผมว่าข้าราชการก็ให้ความร่วมมือดี เมื่อก่อนอาจจะคิดว่ามีการแบ่งเป็นคนนู้นคนนี้ แต่ตอนนี้พอเราเอางานเป็นตัวตั้ง มันแบ่งพวกกันไม่ได้ ตรงนี้อาจจะใช้เวลานิดนึง แต่สัก 2-3 เดือน ผมว่าเราจะตอบโจทย์ทั้งเรื่องเงิน-คน-การบริหารจัดการ” นายต่อศักดิ์กล่าว
เดือนที่ 2 ปรับระบบทำงานใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเดือนที่ 2 จะปรับการทำงานอะไรหรือไม่ นายต่อศักดิ์กล่าวว่า ต้องแยก 2 เรื่อง เรื่องแรก นายชัชชาติจะเป็นผู้รวบรวมปัญหาส่งให้ฝ่ายบริหารย่อยเรื่องร้องเรียนต่างๆ แต่ข้าราชการการเมืองมีแค่ 58 คน ซึ่งน้อยมาก หลังจากนั้นจึงมอบเรื่องให้ฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งข้าราชการเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ดีที่สุด แต่เราสั่งและชี้แจงงานถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต่อจากนี้ไปจะเป็นการบริหารแบบใหม่เลย อย่างกรณีทราฟฟี่ ฟองดูว์ เขตที่ได้รับการเรียกร้องมาก จะมีคะแนนมาก ซึ่งหากทอนเรื่องลงไปที่หน่วยงานต่างๆ จะเป็นการวัดผลงานเอง ซึ่งจะมีการรายงานทุกเดือน
ด้านน.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม. เปิดเผยว่า การขอความร่วมมือต่างๆ ที่มีตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา กทม.รับเรื่องมาก็ไม่ได้ทิ้ง ยังคงติดตามความคืบหน้าอยู่ เช่น กรณีลงพื้นที่เขตคลองเตย แล้วพบว่า ไม่มีใครใช้งานลานกีฬา แต่ไปอยู่ร้านเกมกันนั้น ตอนนี้มีเอกชนเข้ามาให้ความร่วมมือในการจัดหาอุปกรณ์กีฬาแล้ว
ทั้งนี้ นโยบายผู้ว่าสัญจร นายชัชชาติเคยปรารภว่า 1 ปี จะไปให้ครบ 50 เขต เพื่อ รับรู้ปัญหาจริงๆในท้องที่ ตอนเช้าประชุมที่เขต แล้วตอนบ่ายจะลงพื้นที่พบประชาชน เพื่อรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่