ที่ประชุมผู้บริหารกทม. มีมติเบรกตั้งถ.ข้าวสารเป็นฮับกัญชา ชี้กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กำหนดให้ทำ ปรามหาบเร่แผงลอยวางขายกัญชา ต้องขอสำนักงานเขตก่อน จ่อหยิบ พ.ร.บ.ความสะอาดคุมอาหารผสมกัญชา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า การประชุมผู้บริหารกทม. ครั้งที่ 11/2565 เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2565 ได้หารือถึงกรณีผู้ประกอบการถนนข้าวสารที่ต้องการขอเป็น HUB กัญชานั้น
“ทุกคนจะต้องปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหากพิจารณาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด น่าจะไม่สามารถทำได้ ส่วนการจะนำกัญชา กัญชง หรือใบกระท่อมมาขายในที่สาธารณะ นั้น อย่างแรกก่อนที่หาบเร่แผงลอยจะขายของในที่สาธารณะจะต้องเป็นคนที่ลงทะเบียนขายในจุดนั้น และเมื่อขออนุญาตขายสินค้าใดก็ต้องขายสินค้าที่ลงทะเบียนไว้ จะนำกัญชง กัญชา หรือใบกระท่อมมาขายไม่สามารถทำได้ เพราะในอดีตไม่เคยมีการลงทะเบียนขายกัญชา กัญชง หรือใบกระท่อมไว้ เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” นายจักกพันธุ์
ดังนั้น หาบเร่แผงลอยจะนำกัญชา กัญชง มาขายไม่ได้ หากจะเปลี่ยนประเภทสินค้าที่ขายต้องไปขออนุญาตกรรมการที่สำนักงานเขตพื้นที่ที่จะขายก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของ กทม. ได้เฝ้าระวังอันตรายจากกัญชา กัญชง และใบกระท่อม โดยกำชับให้สำนักงานเขตและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าในพื้นที่ต่อเนื่อง
ใช้ พ.ร.บ.ความสะอาดคุมอาหารปนกัญชา
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายสำหรับกัญชา กัญชง ออกมาโดยเฉพาะ กทม. จะดำเนินการเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 กับผู้กระทำผิด ซึ่งในการนำกัญชามาใส่ในอาหารก็หรือเครื่องดื่มขายถือว่าผิดกฎหมาย เป็นสิ่งผิดประเภท ไม่ควรทำ ไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะกับเด็กที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี และกฎหมายก็ห้ามไม่ให้มีการเสพหรือสูบกัญชาในที่สาธารณะ และจากข้อมูลของสำนักอนามัยตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ถึง 1 ก.ค. 65 พบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครจากกัญชาจำนวน 27 คน อายุระหว่าง 14-20 ปี ถือว่าอายุไม่มากและตามกฎหมายก็ห้ามใช้ในเด็กที่ต่ำกว่า 20 ปีด้วย