ทอท. กำหนด 3 แนวทาง แก้ปัญหาผู้โดยสารแออัดที่ ‘สนามบินสุวรรณภูมิ’ หลังรัฐบาลให้เปิดผู้โดยสารเข้าไทยแบบ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. พร้อมขอความร่วมมือ 388 โรงแรม เพิ่ม ‘พนักงาน-รถ’ ที่จะมารับผู้โดยสาร
................................
สืบเนื่องจากกรณีเกิดปัญหาผู้โดยสารแออัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากขาดการบริหารจัดการเกี่ยวกับมาตรการรองรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทยแบบ Test & Go นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีผู้โพสต์ข้อความและภาพความแออัดหนาแน่นของผู้โดยสารขาเข้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นั้น เมื่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรับทราบแล้ว ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเข้าไปตรวจสอบหาปัญหาข้อพกพร่องที่เกิดขึ้น
โดยพบว่านับตั้งแต่รัฐบาลประกาศแนวทางคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้าไทยแบบ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นั้น ปริมาณผู้โดยสารขาเข้าเพิ่มขึ้นจากวันละ 1,000-8,000 คน เป็นวันละ 10,000 คน และเนื่องจากต้องมีการดำเนินการในขั้นต่างๆ เช่น การผ่านจุดคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข , ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) และด่านศุลกากร ก่อนที่ผู้โดยสารจะไปเจอกับผู้ที่โรงแรมส่งมารับ เพื่อนำไปตรวจ RT-PCR ซึ่งขั้นตอนดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาผู้โดยสารหนาแน่น
“เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิยังต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการคัดกรองผู้โดยสารตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด รวมทั้งมีการกำหนดว่าจะต้องมีการนัดเจอระหว่างผู้โดยสารกับตัวแทนของโรงแรมนั้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความคับคั่งของผู้โดยสารในบริเวณห้องโถงอาคารผู้โดยสารขาเข้าเป็นบางช่วงเวลา ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีเที่ยวบินที่มีผู้โดยสารมากๆเข้ามา แต่การแออัดหนาแน่นนั้น จะเป็นบางช่วงเวลา ไม่ใช่ตลอดทั้งวัน” นายกิตติพงศ์ กล่าว
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (11 เม.ย.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (EOC) เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีข้อสรุปดังนี้
1.ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.เป็นต้นไป จะเพิ่มช่องประตูให้ผู้โดยสารออกจากสนามบินเพื่อไปขึ้นรถเป็น 5 ประตู จากเดิมที่มีช่องทางให้ผู้โดยสารออกไปขึ้นรถ 2 ประตู
2.เพิ่มจำนวนเคาน์เตอร์ของตัวแทนโรงแรมเป็น 17 เคาน์เตอร์ จากเดิม 8 เคาน์เตอร์ เพื่อให้ตัวแทนโรงแรมมีพื้นที่ที่จะพบกับผู้โดยสารที่จะไปพำนักที่โรงแรม และจะมีการเรียงลำดับรายชื่อโรงแรมในเคาน์เตอร์ต่างๆตามตัวอักษรภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้โดยสารหาได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ 388 แห่ง นอกจากนี้ จะมีการติดตั้งป้ายแจ้งข้อมูลเคาน์เตอร์ของโรงแรมให้ผู้โดยสารทราบ ตั้งแต่ห้องโถงอาคารไปจนถึงพื้นที่รับกระเป๋าสัมภาระ
3.การขยายพื้นที่ห้องโถง อาคารผู้โดยสารขาเข้า ซึ่งจะลดปัญหาการแออัดในของผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
“โรงแรมที่ลงทะเบียนทั้ง 388 โรงแรม ต้องจัดตัวแทนมาให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารที่จะมา รวมถึงรถยนต์ที่จะมารับด้วย ต้องมาให้ทันเวลาที่แขกของท่านลง ไม่ใช่ให้ผู้โดยสารมาถึงแล้วรอ ซึ่งจากการพูดคุยกับทางโรงแรมพร้อมปฏิบัติ โดยการเพิ่มจำนวนพนักงาน เพิ่มรถที่จะมารับให้เพียงพอต่อผู้โดยสารที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไป” นายกิตติพงศ์ กล่าว