นายกฯ เปิดงานวันสตรีสากล เปรียบเท้าช้างข้างหน้า-หลังต้องไปด้วยกัน ลั่น ตั้งแต่เป็นนายกฯ ไม่เคยโกรธ- เกลียดใคร เชื่อทำดีได้ดี ยันไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในงานวันสตรีสากล ประจำปี 2565 และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า มีหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องขับเคลื่อนประเทศโดยเฉพาะเวลานี้ เพราะมีอุปสรรค มีปัญหาหลายด้านทั้งเวทีโลก และในประเทศของเรา สิ่งสำคัญจะทำอย่างไรให้เรามีความสุข นั่นคือโจทย์ที่นำมาปฏิบัติ ซึ่งวันนี้ผู้หญิงก็เป็นผู้ที่มีบทบาทในเวทีโลก
"ผมในฐานะที่เป็นผู้ชาย รัฐมนตรีก็เป็นผู้ชาย นอกบ้านผู้ชายจะเก่ง แต่ในบ้านเสร็จผู้หญิงหมด เขาบอกว่าผู้ชายเปรียบเสมือนช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง แต่อย่าลืมว่าเมื่อช้างตกหล่ม ช้างก็ต้องถอยหลังขึ้นด้วยขาหลังทั้งนั้น ผมเชื่อมั่นว่าผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนในการทำงาน มีสติ ดึงกันไปดึงกันมา ก็ทำให้พอดีไม่ทำให้ช้างหกล้ม เดินไปข้างหน้าด้วยกัน บางทีผู้ชายก็ชอบเดินเลย เพราะใจร้อน ซึ่งผู้หญิงจะช่วยทำให้สังคมสงบปลอดภัย เปรียบเสมือนน้ำเย็นที่ทำให้น้ำร้อนกลายเป็นน้ำอุ่น ทั้งนี้ไม่ว่าใครจะอยู่หน้าหรืออยู่หลังสำคัญทั้งนั้น ขอให้ทุกคนได้ภูมิใจ เพราะเราเป็นบุคคลสำคัญในครอบครัวของเรา " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราทำวันนี้ เราต้องเพื่อตัวเอง ถ้าภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมไปด้วยกันประเทศไทยก็ไม่มีปัญหาอะไร เราจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค เราต้องเอาทุกอย่างมาประมวล ก็จะเข้าถึงปัญหาและแก้ปัญหาได้ ทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาของเรา และที่เป็นปัญหาของเรา เราต้องทำให้สังคมสงบที่สุข ในขณะที่ข้างนอกกำลังมีความขัดแย้ง ประเทศไทยมีศักยภาพมากมาย มีทั้งวิกฤติและโอกาสเราต้องมีความรัก ความสามัคคี เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะคือคุณสมบัติของไทยที่ต่างประเทศเรียกว่ายิ้มสยาม และเป็นประเทศที่น่าอยู่อาศัยในระดับต้นๆ ของโลก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครที่รวย มีเงินเยอะ ๆ ก็ให้ช่วยเผื่อแผ่ไปยังคนอื่น ให้เขาเข้าถึงสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้เพิ่มรายได้อะไรให้กับคนที่มีเงิน แต่จะได้ความสุขในใจที่ได้ทำกุศลให้กับคนอื่นเป็นสิ่งที่ทางพระบอกไว้ ทำกรรมดีก็จะได้กรรมดีสนองตอบ ถ้าทำกรรมไม่ดีก็ต้องรับกรรมไป ตนก็ยึดมั่นในหลักศาสนานี้
"ผมจะทำให้ดีที่สุด ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีมา ไม่เคยมีแม้แต่วันเดียวที่จะไม่นึกถึงคนไทยทั้งประเทศ ผมไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับผม ความเกลียดไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น ความโกรธก็เช่นเดียวกันที่จะทำลายตัวเอง ผมก็พยายามไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร พยายามทำอย่างเต็มที่ด้วยความร่วมมือของรัฐบาลของคณะรัฐมนตรีที่ทำงานมาด้วยกันตลอด 3 ปีที่ผ่านมาและก่อนหน้านั้น ไม่มีอะไรจะแก้ได้ภายในวันเดียวหรอก การบริหารคน 70 ล้านคนก็มีปัญหาอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เหน็ดเหนื่อย ก็ต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ต้องดูแลกันอยู่แล้ว เพียงแต่อาจไม่ทันใจบ้าง เพราะนี่คืออารมณ์ของคน ตนเข้าใจเพราะตนเข้ามาเป็นนายกฯ ตนต้องบริหารอารมณ์ของสังคมและของตัวเองที่จะทำอย่างไรไม่ให้โมโห ไม่ให้โกรธ เพราะสิ่งเหล่านี้มันบั่นทอน " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ทำกุศลด้วยกันต่อไป สนับสนุนรัฐมนตรีและรัฐบาลในการทำงานต่อไป ตนไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องการแม้แต่คำชื่นชมยินดี แต่ต้องการแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากปัญหาความทุกข์ยากและความเดือดร้อนที่มีอยู่มากมาย ซึ่งช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ก็มีอะไรที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่ก็ต้องช่วยกันแก้ไป จึงต้องมีสติ ซึ่งตนก็สติในแก้ปัญหาต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะประชุมมาตั้งแต่เช้า ตนไม่ได้มาเยี่ยมใครนานแล้ว ก็ถือโอกาสมาคุยกับพวกเราด้วย ตนไม่ใช่คนเรื่องมาก ไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่เคยคิด มาอยู่ตรงนี้ ก็เพื่อทำให้ประเทศไทยและคนไทย ใครจะว่าอะไรตนก็ว่าไป ถ้าไม่ใช่ข้อเท็จจริงตนก็ไม่รับ ถ้าเป็นข้อเท็จจริงก็รับมาแก้ไขเท่าน้ันเองไม่ยาก