กทม.ออกประกาศ ฉบับที่ 49 สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่มีความพร้อมด้านสาธารณสุข ขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหาร-เครื่องดื่มได้ ร้านที่ผ่านมาตรฐาน SHA PLUS หรือ Thai Stop Covid 2 Plus อนุญาตนั่งดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 3 ทุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2565 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 49) เพื่อให้การดำเนินการควบคุมสถานการณ์โควิดเป็นไปตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ให้เจ้าของสถานที่ ผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ ผู้ร่วมกิจกรรม และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่ระบุไว้ในประกาศ กทม. (ฉบับที่ 47) ลงวันที่ 29 พ.ย.2564 ต่อเนื่องไปอีก จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ให้ดำเนินการตามประกาศฉบับนี้
1.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านตามวเลาปกติ โดยอนุญาตให้มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เฉพาะร้านที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ในระดับ SHA PlUS หรือ มาตรฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรค COVID-19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่ (Thai Stop Covid 2 Plus) แล้วเท่านั้น และให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น.
2.สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขแล้ว และประสงค์จะปรับรูปแบบของสถานที่เพื่อให้บริการเป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้ขออนุญาตต่อสำนักงานเขตพื้นที่เพื่อตรวจสอบและประเมินความพร้อม และต้องได้รับอนุญาตภายในวันที่ 15 ม.ค.2565 ก่อนเปิดให้บริการภายใต้การกำกับติดตามของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด
การให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการในรูปแบบเป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ต้องดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในข้อ 1 ด้วย
ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.2565 เป็นต้นไป