รัฐบาลชี้การปรับตัวของราคาเป็นตามกลไกตลาดโลกนายกฯ สั่งการยกระดับช่วยเหลือประชาชน ลดภาระ-ค่าใช้จ่าย วางมาตรการระยะสั้นระยะยาวให้สอดคล้องต่อสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ และห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารซึ่งปรับตัวสูงขึ้นในหลายประเภท โดยกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำกับดูแลราคาสินค้า และช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและควบคุมได้
ทั้งนี้ การปรับตัวของราคาดังกล่าว เป็นไปตามกลไกตลาดอาหารโลก ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีราคาอาหารโลก FAO Food Price Index: FFPI) ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รายงานว่า ค่าเฉลี่ยของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักที่มีการซื้อขายมากที่สุดทั่วโลกในปี 2564 อยู่ที่ 125.7% ซึ่งเพิ่มขึ้น 28.1% จากปี 2563 และเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่เมื่อปี 2554 ซึ่งเคยสูงถึง 131.9%
ขณะเดียวกัน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศไทย ยังชี้ให้เห็นว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยค่าเฉลี่ยของปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563 เพิ่มสูงขึ้น 1.23% และในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2563 เพิ่มสูงขึ้น 2.42% โดยราคาสินค้ากลุ่มอาหารสด เช่น ราคาของเนื้อสุกร ซึ่งเป็นผลกระทบจากต้นทุนการเลี้ยง (อาหารสัตว์ ยารักษาโรค) เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาโรคระบาดในสุกรและมาตรการลดความเสี่ยงโดยการจำกัดจำนวนการเลี้ยงที่ทำให้ปริมาณสุกรในระบบลดลง
จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดในการควบคุมราคาอาหารสด โดยราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2565 เรื่อง ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร กำหนดห้ามมิให้ส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณีเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2565 เพื่อให้ปริมาณสุกรและเนื้อสุกร มีเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ
“ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โลกกำลังเผชิญทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และการขาดแคลนอาหาร ส่งผลให้ราคาอาหารสูงขึ้น นายกฯ ได้กำชับและสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ติดตาม และออกมาตรการช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบที่เกิดกับประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว บูรณาการการทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน ให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ และเพื่อความยั่งยืนต่อไป ในอนาคต” นายธนกร กล่าว