ผู้อำนวยการ รพ.สถาบันโรคไตฯ นำหลักฐานพร้อมคลิปเสียง ‘แฮกเกอร์’ เข้าแจ้งความ หลังถูกเจาะข้อมูลคนไข้ 4 หมื่นรายชื่อ ติดต่อขอเจรจากับผู้มีอำนาจก่อนหายตัวไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ นำหลักฐานและคลิปเสียงของแฮกเกอร์เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการตำรวจ สน.พญาไท เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับแฮกเกอร์ที่ลักลอบเจาะข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลกว่า 4 หมื่นรายชื่อ ทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ธีรชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาล พบว่าไม่สามารถเข้าระบบฐานข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. เมื่อตรวจสอบก็พบว่าแฮกเกอร์ได้เจาะระบบนำข้อมูลคนไข้ไป เช่น ข้อมูลส่วนตัวคนไข้ ประวัติการฟอกไต และประวัติการรักษาและผลเอ็กซ์เรย์ของคนไข้ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่เข้ามารับการรักษา จากนั้นแฮกเกอร์ซึ่งเป็นชายพูดภาษาอังกฤษได้โทรศัพท์มาที่โรงพยาบาลขอเจรจาต่อรองกับผู้มีอำนาจ พร้อมบอกว่าขณะนี้ยังไม่มีบุคคลภายนอกรู้เรื่องนี้ และนัดโทรมาอีกครั้งในเวลา 09.00 น.วันที่ 7 ก.ย. แต่สุดท้ายก็ไม่มีการติดต่อเข้ามา ทางโรงพยาบาลจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ส่วนตัวสันนิษฐานว่าแฮกเกอร์อาศัยช่วงที่ทางโรงพยาบาลติดต่อซื้อโปรแกรมตัวใหม่จากบริษัทเอกชนมาติดตั้ง โดยมีการควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกล เข้ามาติดตั้งโปรแกรม ทำให้ระบบป้องกันของโรงพยาบาลเกิดช่องโหว่ แฮกเกอร์จึงฉวยโอกาสแฮกเข้ามาพอดี แต่เชื่อว่าแฮกเกอร์ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมดังกล่าว เพราะเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลและหน่วยงานของกระทรวงสาธารสุขหลายแห่งที่ถูกแฮกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้โรงพยาบาลจะได้รับผลกระทบ ทำให้แพทย์ไม่สามารถตรวจประวัติการรักษาคนไข้หรือผลเอ็กซ์เรย์ในอดีตได้ และระบบจ่ายยาต้องใช้การคีย์ข้อมูลด้วยตนเองแทน แต่เจ้าหน้าที่ไอทีกำลังเร่งกู้ข้อมูลทั้งหมด และยืนยันว่าโรงพยาบาลมีการแบ็คอัพข้อมูลประวัติการรักษาคนไข้ไว้อยู่แล้ว และคนไข้ยังสามารถมาใช้บริการได้ แต่อาจเกิดความล่าช้ากว่าปกติ
ด้าน พ.ต.อ.บวรภพ เปิดเผยว่า แม้ตำรวจจะยังไม่มีเบาะแสผู้ต้องสงสัย แต่แนวทางการสืบสวนเตรียมประสานกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายส่วน รวมถึงบริษัทผู้ติดตั้งโปรแกรมใหม่ชองโรงพยาบาลเข้ามาให้ข้อมูลในทุกมิติ พร้อมเตือนประชาชนว่าส่วนใหญ่การแฮกข้อมูล มันจะมีการส่งไวรัสเข้ามาที่ระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ก็จะทำให้ติดไวรัสและแฮกเกอร์ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ดังนั้นขอให้อัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสสม่ำเสมอ
ข่าวประกอบ :
-
'อนุทิน'ยอมรับ รพ.เพชรบูรณ์ถูกแฮก แต่เป็นข้อมูลทั่วไป ไม่ใช่ความลับ
-
สธ.เตรียมตั้งศูนย์เฝ้าระวังความมั่นคงไซเบอร์ด้านสุขภาพ ป้องกันเหตุแฮกข้อมูลซ้ำ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage