‘พาณิชย์’ เผยล่าสุดมียอดอนุมัติสินเชื่อในโครงการ ‘จับคู่กู้เงิน’ แล้ว 3.1 พันล้านบาท พร้อมโชว์ผลงาน 2 ปี อัดฉัดเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืช 5 ชนิด กว่า 1.46 แสนล้านบาท
............................
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการ ‘จับคู่กู้เงิน’ เฟสที่ 1 ‘จับคู่กู้เงิน สถานบันการเงินกับร้านอาหาร’ และเฟสที่ 2 ‘จับคู่กู้เงิน...สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก’ ว่า มีผู้ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อและวงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 2,974 ราย วงเงินสินเชื่อและวงเงินค้ำประกันสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติรวมทั้งสิ้น 3,154.8 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการจับคู่กู้เงิน เฟสที่ 1 ณ วันที่ 24 ส.ค.2564 มีผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อ 2,806 ราย วงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ 2,526 ล้านบาท จากจำนวนผู้ขอสินเชื่อ 15,156 ราย วงเงินขอสินเชื่อ 7,683.7 ล้านบาท
2.โครงการจับคู่กู้เงิน เฟสที่ 2 ณ วันที่ 20 ส.ค.2564 มีผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อ 132 ราย วงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ 2,526 ล้านบาท จากจำนวนผู้ขอสินเชื่อ 337 ราย วงเงินขอสินเชื่อ 1,959.3 ล้านบาท และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อให้ 36 ราย วงเงินค้ำประกันฯ 145.2 ล้านบาท
สำหรับโครงการจับคู่กู้เงิน เฟสที่ 1 ‘จับคู่กู้เงิน สถานบันการเงินกับร้านอาหาร’ กำหนดเงื่อนไขพิเศษให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2% ใน 2 ปีแรก และปลอดหลักทรัพย์ค้ำประกันในบางกรณี
ส่วนเฟสที่ 2 ‘จับคู่กู้เงิน...สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก’ กำหนดเงื่อนไขให้ SMEs ส่งออก ได้รับสินเชื่อที่มีเงื่อนไขและดอกเบี้ยผ่อนปรนเป็นกรณีพิเศษ คือ คิดดอกเบี้ยเพียง 3.99% จากปกติ 6.5% ,ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ โดย บสย.จะช่วยค้ำประกันให้และปลอดค่าธรรมเนียม 2 ปี ,พิจารณาคำขอใน 7 วันทำการ ,ผู้ขอสินเชื่อทุกรายจะได้รับกรมธรรม์ประกันการส่งออกคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับการชำระเงินค่าสินคค้าจากผู้ซื้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังจัดทำสรุปผลงานในช่วง 2 ปีของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ โดยในส่วนของโครงการประกันรายได้เกษตรกรพบว่า มีการประกันรายได้พืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำมันปาล์ม และยางพาราคา เป็นวงเงินทั้งสิ้น 1.46 แสนล้านบาท ,ผลักดันการส่งออกภายใต้นโยบายเซลล์แมนประเทศผ่าน MOU และกิจกรรมต่างๆ คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 9.48 หมื่นล้านบาท
การจัดตั้ง กรอ.พาณิชย์ ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อผลักดันการส่งออกและแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆที่เกี่ยวกับการส่งออก โดยเฉพาะผลกระทบจากสงครามการค้า ,การเปิดด่านผลักดันการค้าชายแดน ซึ่งทำให้ตั้งแต่เดือน ม.ค.2563-เม.ย.2564 มูลค่าการค้าชายแดนรวมอยู่ที่ 1.82 ล้านล้านบาท การทำโครงการช่วยซาเล้งยกระดับราคาเศษกระดาษ ,จัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน และคุมค่ายาและบริการโรงพยาบาลเอกชน เป็นต้น
ที่มาภาพ : กระทรวงพาณิชย์
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage