นายกรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้า การเยียวยาลูกจ้างตาม ม.33 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด รับเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตนแล้ว 2.4 ล้านคน รวม 6,085 ล้านบาท พร้อมฟังความเดือดร้อนกลุ่มอาชีพผู้ขับแท็กซี่-จักรยานยนต์สาธารณะ อายุเกิน 65 ปี สั่งกระทรวงแรงงานชงเสนอเข้า ครม.พิจารณาต่อไป
————————————
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการโอนเงินเข้าบัญชี ผู้ประกันตน มาตรา 33 ยู่ภายใต้โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัด
สำหรับกิจการที่ได้รับผลกระทบ 9 สาขา ได้แก่ 1.ก่อสร้าง 2.ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 3.ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ 4.กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ 5.การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ 6.การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า 7.ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 8.กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และ 9. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน โดยรับทราบรายงานจากกระทรวงแรงงานว่ามีความคืบหน้าไปแล้วค่อนข้างมาก โดยจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตนไปแล้ว 2,434,182 คน เบิกจ่ายเป็นเงินรวมแล้ว 6,085,455,000 บาท
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เริ่มโอนเงินเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งพนักงานเอกชนทั่วไป ลูกจ้างที่ยังทำงานในสถานประกอบการที่มีนายจ้าง จะได้รับการเยียวยา เป็นเงิน 2,500 บาท โอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเข้าสู่บัญชีของผู้ประกันตนที่อยู่ใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรสาคร ,สมุทรปราการ, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลาและสงขลา ผ่านระบบบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. ถึงวันที่ 6 ส.ค. 2564 นั้น รายละเอียดดังนี้ วันที่ 4 ส.ค.64 จ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตน 1,000,000 คน จำนวน 2,500,000,000 บาท วันที่ 5 ส.ค.64 จ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตน 1,000,000 คน จำนวน 2,500,000,000 และวันที่ 6 ส.ค.64 จ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตน 434,182 คน จำนวน 1,085,455,000 บาท รวม 3 วันแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น ครอบคลุมผู้ประกันตน 2,434,182 คน เบิกจ่ายเป็นเงินรวมแล้ว 6,085,455,000 บาท
ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 3 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินในวันที่ 9 ส.ค. 2564 ส่วนนายจ้างใน 10 จังหวัดซึ่งมีจำนวนประมาณ 160,000 กว่าราย จะดำเนินการจ่ายตามจำนวนลูกจ้าง รายละ 3,000 บาท โดยนายจ้างบุคคลธรรมดา จะได้รับเงินโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน สำหรับนายจ้างที่เป็นนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคล ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะทยอยโอนครั้งต่อไปให้กับนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุกๆ วันศุกร์ จนถึงวันที่ 29 ต.ค. 2564
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่ม ‘แรงงานอิสระ’ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ พระนครศรีอยุธยา ที่สมัครมาตรา 40 แล้ว ภายในวันที่ 31 ก.ค. 2564 แต่ยังไม่ชำระเงิน ให้รีบจ่ายภายในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพื่อรับสถานะความเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมาย พร้อมรับสิทธิเยียวยา 5,000 บาท ในวันที่ 24 สิงหาคม ร่วมกับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา39 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด
นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และ 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในจังหวัดที่เหลือ สำนักงานประกันสังคม มีกำหนดโอนเงินเยียวยาให้ในวันที่ 25 สิงหาคม โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะได้รับการโอนเงิน จำนวน 2,500 บาท ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับการโอนเงิน จำนวน 5,000 บาท สำนักงานประกันสังคมจะเปิดให้ผู้ประกันตนสอบถามผ่านสายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ www.sso.go.th
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีรับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 จะได้เร่งให้กระทรวงคมนาคมหามาตรการเยียวยาเพื่อเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage