'มูลนิธิเข้าถึงเอดส์' ค้านกรมทรัพย์สินทางปัญญาชง ครม. แก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตร หลังพบมีการแก้ไขกฎหมายที่ทำให้การประกาศใช้มาตการ CL ทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ยาจำเป็นมีราคาแพง
........................
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 13 ก.ค.2564 โดยร่างพ.ร.บ.ฉบับแก้ไขดังกล่าว มีการแก้ไขในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการบังคับใช้สิทธิโดยรัฐของสิทธิบัตรยา หรือมาตรการ CL (Compulsory licensing)
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายเฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล ผู้จัดการโครงการส่งเสริมการเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.สิทธิบัตร ฉบับแก้ไข ที่เตรียมนำเสนอให้ ครม. พิจารณานั้น พบว่ามีการแก้ไขในมาตรา 51 ซึ่งกำหนดว่า กรณีที่มีการประกาศใช้มาตรการ CL โดยกระทรวง ทบวง หรือกรมนั้น จะต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน และผู้ทรงสิทธิบัตรสามารถยื่นคัดค้านคำสั่งประกาศใช้มาตรการ CL ต่อศาลได้ รวมทั้งสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อยกเลิกคำสั่งการประกาศใช้มาตรการซีแอลเมื่อเหตุแห่งการใช้สิทธิหมดไป
"กรมฯไม่ควรเสนอแก้ไขพ.ร.บ.สิทธิบัตร ที่จะให้การประกาศใช้ซีแอลทำได้ยากขึ้น และหากกรมฯ ยังดันทุรังเสนอไปแบบนั้นจะสะท้อนว่ากรมฯ ไม่เห็นค่าชีวิตคนที่ต้องแลกกับการคุ้มครองการผูกขาดด้วยสิทธิบัตร ซึ่งเราหวังว่า ครม. และรัฐสภา ที่จะพิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายนี้จะมองเห็นจากกรณีโควิด 19 ว่า ระบบสิทธิบัตรที่เป็นอยู่ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงวัคซีนและยาจำเป็นอย่างไร ซึ่ง ครม. ต้องไม่รับร่างแก้ไขกฎหมายที่มัดมือมัดเท้าตัวเองในการช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ" นายเฉลิมศักดิ์ กล่าว
นายเฉลิมศักดิ์ ยังกล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2564 ที่ประชุมมีมติให้จัดทำหนังสือส่งให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อแสดงความคิดเห็นและความกังวลต่อการแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับซีแอลใน พ.ร.บ.สิทธิบัตร
ขณะที่นายเจด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เคยมีจดหมายถึงอธิบดีกรมทรัพย์สินฯ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2564 โดยระบุว่าการแก้ไขดังกล่าวอาจส่งผลต่อการเข้าถึงยาจำเป็นของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มยาที่มีราคาแพงและมีผลต่อชีวิตผู้ป่วย ภาระค่ารักษาพยาบาลในครัวเรือน และภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขในภาพรวมของประเทศ
"ยกตัวอย่าง ยาโครพิโดเกรล ยารักษาที่ใช้กับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบตันและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ยาต้นแบบของยานี้มีราคาเม็ดละ 70 บาท การประกาศใช้ซีแอลทำให้ไทยนำเข้ายาชนิดเดียวกันที่เป็นยาชื่อสามัญในราคาเพียงเม็ดละ 2.50 ถึง 5 บาท ปัจจุบันมีผู้ป่วยกินยานี้เป็นประจำทุกวัน 160,000 ราย สามารถลดค่าใช้จ่ายจากยาต้นแบบ 2,000 ล้านบาทต่อปีเหลือเพียง 60 ล้านบาทต่อปี" นายเฉลิมศักดิ์กล่าว
นายเฉลิมศักดิ์ ระบุว่า ในช่วงปี 2549-2550 ประเทศไทยประกาศใช้มาตรการซีแอล 3 ครั้ง กับยา 7 ชนิดที่ใช้รักษาเอชไอวี โรคหลอดเลือดตีบตัน และโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นการประกาศใช้ภายใต้เงื่อนไขเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่แสวงหากำไร ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศสามารถจัดหายาเหล่านั้นโดยการนำเข้าและผลิตภายในประเทศให้กับผู้ป่วยหลายแสนคน ช่วยให้ประเทศประหยัดงบประมาณด้านยาได้หลายพันล้านบาทในแต่ละปี รวมถึงทำให้สามารถนำยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ประกาศใช้ซีแอลไปและผลิตเองได้ มาปรับใช้รักษาโควิด 19 ในช่วงการระบาดในไทยระลอกแรกได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/